กระต่ายกับเต่า
วันหนึ่งกระต่ายป่าหัวเราะเต่าว่าขาสั้นและเดินเชื่องช้า เมื่อเต่าได้ยินจึงท้าทายกลับไปว่า ถึงเจ้าจะวิ่งเร็ว แต่ข้าคิดว่าถ้าเราลองมาแข่งกัน ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าได้แน่ แต่กระต่ายป่ากลับมั่นใจว่าเต่าไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่นอน มันจึงตอบตกลง โดยให้สุนัขจิ้งจอกมาเป็นผู้ตัดสิน เมื่อถึงวันแข่งขัน กระต่ายป่ากับเต่าก็มา วิ่งแข่งกัน เต่าค่อย ๆ
เดินอย่างเชื่องช้า แต่สม่ำเสมอและไม่หยุดพัก ส่วนกระต่ายป่าวิ่งนำเต่าไปมาก ก็ชะล่าใจคิดว่าถ้างีบหลับสักครู่เต่าก็คงยังตามไม่ทัน จนเวลาผ่านไปกระต่ายป่าสะดุ้งตื่น มองซ้าย มองขวาไม่เห็นเต่า จึงรีบวิ่งอย่างสุดแรงแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เต่าได้มาถึงเส้นชัยก่อนและกำลังนอนพักผ่อนอย่างสบาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562
อ่านนิทานเรื่องกบกับวัว และข้อคิดดีๆ
กบกับวัว
วัวตัวหนึ่งเดินไปในบึงที่มีกอกกอยู่เต็มเพื่อดื่มน้ำ หลังจากที่มันทิ้งตัวลงไปในน้ำอย่างแรง มันก็ไปเหยียบเจ้ากบน้อยตัวหนึ่งแหลกคาโคลน แม่กบหาลูกกบน้อยไม่เจอจึงไปถามหาจากพี่ชายและพี่สาวของมันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า
กบน้อยสัตว์ประหลาดตัวใหญ่มากๆ ครับแม่ หนึ่งในนั้นพูดขึ้น มันเหยียบน้องกบน้อยด้วยเท้าอันใหญ่โตของมันใหญ่แค่ไหนกัน แม่กบร้องถาม พลางพองตัวขึ้น ใหญ่แค่นี้ได้ไหมโอ้ ใหญ่กว่านั้นมากครับ พวกมันร้องขึ้น
แม่กบจึงพองตัวขึ้นไปอีกมันไม่มีทางใหญ่ไปกว่านี้แน่ๆ แม่กบพูด แม่พวกลูกกบพากันบอกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่กว่านั้นอีกมากๆ แม่กบจึงพองตัวให้ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ท้องแตกตาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าพยายามทำอะไรเกินตัว
วัวตัวหนึ่งเดินไปในบึงที่มีกอกกอยู่เต็มเพื่อดื่มน้ำ หลังจากที่มันทิ้งตัวลงไปในน้ำอย่างแรง มันก็ไปเหยียบเจ้ากบน้อยตัวหนึ่งแหลกคาโคลน แม่กบหาลูกกบน้อยไม่เจอจึงไปถามหาจากพี่ชายและพี่สาวของมันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า
กบน้อยสัตว์ประหลาดตัวใหญ่มากๆ ครับแม่ หนึ่งในนั้นพูดขึ้น มันเหยียบน้องกบน้อยด้วยเท้าอันใหญ่โตของมันใหญ่แค่ไหนกัน แม่กบร้องถาม พลางพองตัวขึ้น ใหญ่แค่นี้ได้ไหมโอ้ ใหญ่กว่านั้นมากครับ พวกมันร้องขึ้น
แม่กบจึงพองตัวขึ้นไปอีกมันไม่มีทางใหญ่ไปกว่านี้แน่ๆ แม่กบพูด แม่พวกลูกกบพากันบอกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่กว่านั้นอีกมากๆ แม่กบจึงพองตัวให้ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ท้องแตกตาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าพยายามทำอะไรเกินตัว
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562
อ่านนิทานนกกระยางเรื่องมาก และข้อคิดดีๆ
เรื่องนกกระยางเรื่องมาก
นกกระยางตัวหนึ่งค่อยๆ เยื้องย่างไปตามฝั่งลำธาร สายตาจับจ้องน้ำใสแจ๋ว ลำคอยาวและจะงอยปากแหลมของมันพร้อมจะจิกอาหารชิ้นเล็กๆ เป็นมื้อเช้า ในน้ำใสมีฝูงปลามากมาย แต่คุณชายนกกระยางก็ไม่ชื่นชมยินดีกับ
เช้าวันนั้นแม้แต่น้อย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าเรื่องมากเกินไป มิฉะนั้นอาจเหลือแต่สิ่งที่แย่ที่สุด หรือไม่ก็ไม่ได้อะไรเลย
นกกระยางตัวหนึ่งค่อยๆ เยื้องย่างไปตามฝั่งลำธาร สายตาจับจ้องน้ำใสแจ๋ว ลำคอยาวและจะงอยปากแหลมของมันพร้อมจะจิกอาหารชิ้นเล็กๆ เป็นมื้อเช้า ในน้ำใสมีฝูงปลามากมาย แต่คุณชายนกกระยางก็ไม่ชื่นชมยินดีกับ
เช้าวันนั้นแม้แต่น้อย
ข้าไม่กินปลาตัวเล็กตัวน้อยหรอก มันเอ่ยขึน พวกปลาซิวปลาสร้อยไม่เหมาะกับนกกระยางสักนิดทันใดนั้นก็มีปลาเพิร์ชน้อยงดงามว่ายเข้ามาใกล้ๆ ก็ยังไม่ใช่อีกนั่นละ นกกระยางพูด ข้าไม่เสียแรงอ้าปากเพื่อของพรรค์นั้นอยู่แล้ว
เมื่อดวงอาทิตย์ลอยสูง ฝูงปลาก็ว่ายจากน้ำตื้นแถวริมตลิ่งดำลงสู่น้ำเย็นที่ลึกกว่ากลางลำธาร คราวนี้นกกระยางไม่เห็นปลาหลงเหลือสักตัว สุดท้ายมันอดดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยก็อุตส่าห์ได้หอยทากตัวจิ๋วมาเป็นอาหารเช้าตัวหนึ่ง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าเรื่องมากเกินไป มิฉะนั้นอาจเหลือแต่สิ่งที่แย่ที่สุด หรือไม่ก็ไม่ได้อะไรเลย
วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562
นิทานนกเค้าแมวกับแมวและหนู และข้อคิดดีๆ
นกเค้าแมวกับแมวและหนู
นกเค้าแมวตัวหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บขาหัก ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนมาหลายวันแล้ว มันจึงอ้อนวอนให้
แมวพามันออกไปเดินเล่นข้างนอก แมวก็เต็มใจช่วยและแบกมันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงบ้านของหนู เมื่อหนูได้ยินเสียงก็ออกมาดูแล้วถามว่า เจ้าทั้งสองมาทำอะไรกันที่นี่หรือ แมวตอบว่า นกเค้าแมวอยากพบเจ้า ข้าก็เลยพามา หนูรู้ว่าพวกมันมีเจตนาที่ไม่ดีแน่ จึงตอบไปว่า เจ้าแมว เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าไม่เพียงแต่จะนำความโชคร้ายมาสู่ข้าเท่านั้น แต่เจ้าอาจจะนำความหายนะไปสู่ลูกๆ ของเจ้าอีกด้วย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คบคนชั่วมีแต่จะนำความวิบัติมาสู่ตนและคนรอบข้าง
นกเค้าแมวตัวหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บขาหัก ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนมาหลายวันแล้ว มันจึงอ้อนวอนให้
แมวพามันออกไปเดินเล่นข้างนอก แมวก็เต็มใจช่วยและแบกมันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงบ้านของหนู เมื่อหนูได้ยินเสียงก็ออกมาดูแล้วถามว่า เจ้าทั้งสองมาทำอะไรกันที่นี่หรือ แมวตอบว่า นกเค้าแมวอยากพบเจ้า ข้าก็เลยพามา หนูรู้ว่าพวกมันมีเจตนาที่ไม่ดีแน่ จึงตอบไปว่า เจ้าแมว เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าไม่เพียงแต่จะนำความโชคร้ายมาสู่ข้าเท่านั้น แต่เจ้าอาจจะนำความหายนะไปสู่ลูกๆ ของเจ้าอีกด้วย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คบคนชั่วมีแต่จะนำความวิบัติมาสู่ตนและคนรอบข้าง
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ฝูงนกกับแรดใจร้าย
ฝูงนกกับแรดใจร้าย
ณ ป่าแห่งหนึ่ง นกและแรดอาศัยอยู่ด้วยกันบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ วันหนึ่งแม่นกออกไปหาอาหาร จึงไปฝากลูกๆ ไว้กับแรด
ด้วยความหิวแรดจึงแอบกินลูกนกไปหนึ่งตัว เมื่อแม่นกกลับมาเห็นลูกหายไปจึงถามแรดว่าลูกนกไปไหน แรดจึงตอบว่า มีเหยี่ยวบินมาจับลูกนก
ของเจ้าไป แต่ข้าขึ้นไปช่วยไม่ทันแม่นกไม่เชื่อที่แรดพูด มันจึงแกล้งฝากลูกๆ ไว้กับแรดอีกครั้ง และแอบซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อแรดเห็นว่าแม่นกไปแล้ว
มันจึงจับลูกนกกินแม่นกเห็นดังนั้นก็รีบบินออกมาช่วยลูกไว้ได้ทันและพาลูกๆ ย้ายไปอยู่ที่อื่นทันที พร้อมประกาศให้บรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย
รู้ถึงการกระทำของแรด จนไม่มีสัตว์ตัวไหนคบแรดเป็นเพื่อนอีกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนชั่วย่อมไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย
ณ ป่าแห่งหนึ่ง นกและแรดอาศัยอยู่ด้วยกันบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ วันหนึ่งแม่นกออกไปหาอาหาร จึงไปฝากลูกๆ ไว้กับแรด
ด้วยความหิวแรดจึงแอบกินลูกนกไปหนึ่งตัว เมื่อแม่นกกลับมาเห็นลูกหายไปจึงถามแรดว่าลูกนกไปไหน แรดจึงตอบว่า มีเหยี่ยวบินมาจับลูกนก
ของเจ้าไป แต่ข้าขึ้นไปช่วยไม่ทันแม่นกไม่เชื่อที่แรดพูด มันจึงแกล้งฝากลูกๆ ไว้กับแรดอีกครั้ง และแอบซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อแรดเห็นว่าแม่นกไปแล้ว
มันจึงจับลูกนกกินแม่นกเห็นดังนั้นก็รีบบินออกมาช่วยลูกไว้ได้ทันและพาลูกๆ ย้ายไปอยู่ที่อื่นทันที พร้อมประกาศให้บรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย
รู้ถึงการกระทำของแรด จนไม่มีสัตว์ตัวไหนคบแรดเป็นเพื่อนอีกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนชั่วย่อมไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย
วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2562
แม่ไก่ตาบอด
แม่ไก่ตาบอด
ณ บ้านหลังหนึ่ง มีแม่ไก่อาศัยอยู่สองตัว ตัวหนึ่งตาดี ส่วนอีกตัวตาบอด
สนิท ในแต่ละวันแม่ไก่ตาบอดจะออกคุ้ยเขี่ยพื้นดิน เพื่อหาอาหารอย่างขยันขันแข็ง ส่วนแม่ไก่ตาดีเอาแต่อยู่เฉย ๆ ไม่เคยออกไปไหนไกล
เพราะกลัวว่าเท้าอันอ่อนนุ่มทั้งสองข้างจะหยาบกร้าน แม่ไก่ตาดีใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ด้วยการคอยจิกกินผลไม้ที่แม่ไก่ตาบอดเพียรพยายามหามา
แต่มันก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้ค่า เพราะไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้นั่นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ผู้ที่มีร่างกายพิการหากมีความขยัน ก็มีคุณค่ามากกว่าคนปกติที่ไม่รู้จักทำมาหากิน
ณ บ้านหลังหนึ่ง มีแม่ไก่อาศัยอยู่สองตัว ตัวหนึ่งตาดี ส่วนอีกตัวตาบอด
สนิท ในแต่ละวันแม่ไก่ตาบอดจะออกคุ้ยเขี่ยพื้นดิน เพื่อหาอาหารอย่างขยันขันแข็ง ส่วนแม่ไก่ตาดีเอาแต่อยู่เฉย ๆ ไม่เคยออกไปไหนไกล
เพราะกลัวว่าเท้าอันอ่อนนุ่มทั้งสองข้างจะหยาบกร้าน แม่ไก่ตาดีใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ด้วยการคอยจิกกินผลไม้ที่แม่ไก่ตาบอดเพียรพยายามหามา
แต่มันก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้ค่า เพราะไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้นั่นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ผู้ที่มีร่างกายพิการหากมีความขยัน ก็มีคุณค่ามากกว่าคนปกติที่ไม่รู้จักทำมาหากิน
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562
วัวชนกับกบ
วัวชนกับกบ
วัวสองตัวสู้กัน อย่างดุเดือดในทุ่งนา โดยที่สุดทางข้างหนึ่งเป็นหนองน้ำ มีกบชราตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในหนองน้ำแห่งนั้น มันตัวสั่นขวัญหนีขณะเฝ้ามองการต่อสู้กันดุเดือดเลือดพล่าน ท่านกลัวอะไรหรือ กบหนุ่มตัวหนึ่งถามขึ้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ล้มลง ผู้ที่อ่อนแอก็ต้องเจ็บปวดตามไปด้วย
วัวสองตัวสู้กัน อย่างดุเดือดในทุ่งนา โดยที่สุดทางข้างหนึ่งเป็นหนองน้ำ มีกบชราตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในหนองน้ำแห่งนั้น มันตัวสั่นขวัญหนีขณะเฝ้ามองการต่อสู้กันดุเดือดเลือดพล่าน ท่านกลัวอะไรหรือ กบหนุ่มตัวหนึ่งถามขึ้น
เจ้าไม่เห็นหรือ กบชราตอบ ว่าวัวตัวที่พ่ายแพ้จะถูกดันจากหญ้างามๆทางฝั่งนู้นมายังกอกกของหนองน้ำฝั่งนี้ แล้วพวกเราก็จะถูกบี้แบนจมโคลเหตุการณ์เป็นดั่งที่เจ้ากบบอก วัวตัวที่พ่ายแพ้ถูกดันลงไปในหนองน้ำและกีบเท้าอัม
หึมาของมันก็บี้ พวกกบจนถึงแก่ความตาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ล้มลง ผู้ที่อ่อนแอก็ต้องเจ็บปวดตามไปด้วย
วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2562
วัวกระทิงกับหนู
วัวกระทิงกับหนู
ขณะที่วัวกระทิงตัวหนึ่งกำลังกินหญ้าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็มีหนูตัวหนึ่งมากัดเข้าที่ขาของมันแล้วรีบวิ่งไปอยู่ในรู วัวกระทิงเจ็บขามาก มันตะกุยพื้นดินที่อยู่เหนือรูหนูและส่ายหัวไปมาอย่างโมโหที่ไม่สามารถทำอะไรหนูได้ เจ้าหนูจึงเยาะเย้ยวัวกระทิงว่า ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดข้าก็สามารถทำให้เจ้าก้มหัวให้ข้าได้ ในขณะที่หนูอย่างข้ากำชัยชนะเหนือเจ้า แต่เจ้ากลับไม่สามารถทำอะไรข้าได้เลย ช่างน่าสมเพช เสียจริง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่ามัวไปใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยบางเรื่อง จนทำให้เราหมดสง่าราศรีไป
ขณะที่วัวกระทิงตัวหนึ่งกำลังกินหญ้าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็มีหนูตัวหนึ่งมากัดเข้าที่ขาของมันแล้วรีบวิ่งไปอยู่ในรู วัวกระทิงเจ็บขามาก มันตะกุยพื้นดินที่อยู่เหนือรูหนูและส่ายหัวไปมาอย่างโมโหที่ไม่สามารถทำอะไรหนูได้ เจ้าหนูจึงเยาะเย้ยวัวกระทิงว่า ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดข้าก็สามารถทำให้เจ้าก้มหัวให้ข้าได้ ในขณะที่หนูอย่างข้ากำชัยชนะเหนือเจ้า แต่เจ้ากลับไม่สามารถทำอะไรข้าได้เลย ช่างน่าสมเพช เสียจริง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่ามัวไปใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยบางเรื่อง จนทำให้เราหมดสง่าราศรีไป
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ชายชรากับลา
ชายชรากับลา
ชายชราคนหนึ่งไปซื้อลา เขายืนเลือกอยู่นานแต่ก็เลือกไม่ได้สักที คนขายจึงเสนอให้เขาทดสอบลาก่อนซื้อ เขาจึงเลือกลาตัวหนึ่งแล้วพามันกลับบ้านด้วย เมื่อมาถึงบ้านเขาก็ปล่อยมันไปรวมกับลาตัวอื่น ๆ
ในคอก ปรากฏว่าลาตัวนั้นรีบเดินเข้าไปหา ลาที่ขี้เกียจที่สุด และตะกละที่สุดทันที ชายชราเห็นเช่นนั้นจึงเอามันกลับไปคืนร้านพ่อค้าสงสัยจึงถามว่าท่านได้ทดสอบมันแล้วรึ ชายชราตอบทันทีว่าไม่ต้องลองข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าลาตัวนี้ ต้องมีนิสัยเหมือนกับลาที่มันเลือกเป็นเพื่อนแน่ ๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การจะดูว่าใครมีลักษณะนิสัยอย่างไร ให้ดูจากเพื่อนที่เขาคบ
ชายชราคนหนึ่งไปซื้อลา เขายืนเลือกอยู่นานแต่ก็เลือกไม่ได้สักที คนขายจึงเสนอให้เขาทดสอบลาก่อนซื้อ เขาจึงเลือกลาตัวหนึ่งแล้วพามันกลับบ้านด้วย เมื่อมาถึงบ้านเขาก็ปล่อยมันไปรวมกับลาตัวอื่น ๆ
ในคอก ปรากฏว่าลาตัวนั้นรีบเดินเข้าไปหา ลาที่ขี้เกียจที่สุด และตะกละที่สุดทันที ชายชราเห็นเช่นนั้นจึงเอามันกลับไปคืนร้านพ่อค้าสงสัยจึงถามว่าท่านได้ทดสอบมันแล้วรึ ชายชราตอบทันทีว่าไม่ต้องลองข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าลาตัวนี้ ต้องมีนิสัยเหมือนกับลาที่มันเลือกเป็นเพื่อนแน่ ๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การจะดูว่าใครมีลักษณะนิสัยอย่างไร ให้ดูจากเพื่อนที่เขาคบ
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ลา ไก่ และสิงโต
ลา ไก่ และสิงโต
ชาวนาคนหนึ่ง เลี้ยงไก่และลารวมกันไว้หลังบ้าน วันหนึ่งสิงโตสิงโตเดินผ่านมาก็อยากจะจับลากินเป็นอาหาร ขณะที่มันซึ่มดูลาอยู่นั้น
เจ้าไก่ก็ส่งเลี้ยงร้องขึ้นมา ด้วยความที่สิงโตไม่เคยได้ยินเสียงไก่ขันมาก่อนจึงตกใจและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนเจ้าลาเมื่อเห็นสิงโตวิ่งหนีไปก็นึกว่า เจ้าสิงโต เกิดกลัวขึ้นมา ด้วยความลำพองใจมันจึงรีบวิ่งตามสิงโตไปทันที
ฝ่ายสิงโตเมื่อวิ่งไปได้สักครู่ก็หันหลับมามอง เห็นว่าเจ้าลาวิ่งตามมาถึงที่ก็ดีใจ มันจึงกระโจนเข้า ขย้ำลาและกินเป็นอาหาร ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความประมาทและหลงตัวเองย่อมนำพาหายนะมาสู่ตน
ชาวนาคนหนึ่ง เลี้ยงไก่และลารวมกันไว้หลังบ้าน วันหนึ่งสิงโตสิงโตเดินผ่านมาก็อยากจะจับลากินเป็นอาหาร ขณะที่มันซึ่มดูลาอยู่นั้น
เจ้าไก่ก็ส่งเลี้ยงร้องขึ้นมา ด้วยความที่สิงโตไม่เคยได้ยินเสียงไก่ขันมาก่อนจึงตกใจและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนเจ้าลาเมื่อเห็นสิงโตวิ่งหนีไปก็นึกว่า เจ้าสิงโต เกิดกลัวขึ้นมา ด้วยความลำพองใจมันจึงรีบวิ่งตามสิงโตไปทันที
ฝ่ายสิงโตเมื่อวิ่งไปได้สักครู่ก็หันหลับมามอง เห็นว่าเจ้าลาวิ่งตามมาถึงที่ก็ดีใจ มันจึงกระโจนเข้า ขย้ำลาและกินเป็นอาหาร ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความประมาทและหลงตัวเองย่อมนำพาหายนะมาสู่ตน
วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2562
แมวกับฝูงนก
แมวกับฝูงนก
แมวตัวหนึ่ง เห็นนกบินมาเกาะที่พุ่มไม้หน้าบ้านทุกวัน ก็คิดอยากจะจับมากินเป็นอาหารมันพยายามไล่จับอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้เสียที
วันหนึ่ง มันจึงออกอุบายเชิญให้ฝูงนกมาร่วมงานวันเกิด ฝูงนกหลงเชื่อและมาตายคำเชิญของแมว ทันทีที่ฝูงนกเข้ามาในบ้าน
แมวก็รีบปิดประตูทันที นกตัวหนึ่ง มองไปรอบบ้านไม่เห็นมีสัตว์อื่น ๆ จึงถามแมวว่า นี่ท่านไม่ได้เชิญหนูหรือหมามาด้วยหรอกเหรอ
แมวตอบว่า ถ้าข้าเชิญพวกนั้นมา ข้าคงจะจัดการกับพวกเจ้าได้ยากขึ้นน่ะสิ พูดจบมันก็ค่อย ๆ จับนกกินทีละตัวจนหมด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนโง่มักรู้ไม่เท่าทันคนเจ้าเล่ห์
แมวตัวหนึ่ง เห็นนกบินมาเกาะที่พุ่มไม้หน้าบ้านทุกวัน ก็คิดอยากจะจับมากินเป็นอาหารมันพยายามไล่จับอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้เสียที
วันหนึ่ง มันจึงออกอุบายเชิญให้ฝูงนกมาร่วมงานวันเกิด ฝูงนกหลงเชื่อและมาตายคำเชิญของแมว ทันทีที่ฝูงนกเข้ามาในบ้าน
แมวก็รีบปิดประตูทันที นกตัวหนึ่ง มองไปรอบบ้านไม่เห็นมีสัตว์อื่น ๆ จึงถามแมวว่า นี่ท่านไม่ได้เชิญหนูหรือหมามาด้วยหรอกเหรอ
แมวตอบว่า ถ้าข้าเชิญพวกนั้นมา ข้าคงจะจัดการกับพวกเจ้าได้ยากขึ้นน่ะสิ พูดจบมันก็ค่อย ๆ จับนกกินทีละตัวจนหมด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนโง่มักรู้ไม่เท่าทันคนเจ้าเล่ห์
วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562
หมูโง่กับหมาป่า
หมูโง่กับหมาป่า
วันหนึ่งสิงโตจัดงานเลี้ยง และเชิญสัตว์ทั้งหลายมาร่วมงานด้วยกัน ซึ่งอาหารที่นำมาเลี้ยงในงานล้วนเป็นเนื้อและอาหารเลิศรสทั้งสิ้น
เมื่องานเลี้ยงจบลงสัตว์ทุกตัวก็ทยอยกันกลับ ระหว่างทางที่หมาป่าเดินกลับ มันก็เจอหมูตัวหนึ่งกำลังกินอาหารอยู่ หมูจึงถามว่า
ไปไหนมาหรือท่าน หมาป่าตอบว่า ข้าก็ไปงานเลี้ยงของเจ้าป่าน่ะสิ เจ้าไม่ได้ไปหรือ ข้าไม่ได้ไปหรอก แล้วที่นั่นมีอะไรน่ากินบ้างไหมล่ะ
หมูถาม มีแต่อาหารดี ๆ ทั้งนั้นเลย หมาป่าตอบ หมูจึงถามอีก แล้วมีแกลบกับรำข้าวไหมล่ะ หมาป่าจึงตะคอก ใส่ทันที จะบ้าหรือไง
ที่นั่นมันเป็นโต๊ะอาหารของเจ้าป่าเชียวนะ จะมีอาหารแบบนั้นได้อย่างไร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าคิดว่าคนอื่นจะมีรสนิยมและความชอบเหมือนตนเอง
วันหนึ่งสิงโตจัดงานเลี้ยง และเชิญสัตว์ทั้งหลายมาร่วมงานด้วยกัน ซึ่งอาหารที่นำมาเลี้ยงในงานล้วนเป็นเนื้อและอาหารเลิศรสทั้งสิ้น
เมื่องานเลี้ยงจบลงสัตว์ทุกตัวก็ทยอยกันกลับ ระหว่างทางที่หมาป่าเดินกลับ มันก็เจอหมูตัวหนึ่งกำลังกินอาหารอยู่ หมูจึงถามว่า
ไปไหนมาหรือท่าน หมาป่าตอบว่า ข้าก็ไปงานเลี้ยงของเจ้าป่าน่ะสิ เจ้าไม่ได้ไปหรือ ข้าไม่ได้ไปหรอก แล้วที่นั่นมีอะไรน่ากินบ้างไหมล่ะ
หมูถาม มีแต่อาหารดี ๆ ทั้งนั้นเลย หมาป่าตอบ หมูจึงถามอีก แล้วมีแกลบกับรำข้าวไหมล่ะ หมาป่าจึงตะคอก ใส่ทันที จะบ้าหรือไง
ที่นั่นมันเป็นโต๊ะอาหารของเจ้าป่าเชียวนะ จะมีอาหารแบบนั้นได้อย่างไร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าคิดว่าคนอื่นจะมีรสนิยมและความชอบเหมือนตนเอง
วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562
วัวกระทิงกับหนู
วัวกระทิงกับหนู
ขณะที่วัว กระทิงตัวหนึ่งกำลังกินหญ้า อย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็มีหนูตัวหนึ่งมากัดเข้าที่ขาของมันแล้วรีบวิ่งไปอยู่ในรู วัวกระทิงเจ็บขามาก
มันตะกุยพื้นดินที่อยู่เหนือรูหนูและส่ายหัวไปมาอย่างโมโหที่ไม่สามารถทำอะไรหนูได้ เจ้าหนูจึงเยาะเย้ยวัวกระทิงว่า ฮ่า ๆ ๆ
ในที่สุดข้าก็สามารถทำให้เจ้าก้มหัวให้ข้าได้ ในขณะที่ หนูอย่างข้า กำชัยชนะเหนือเจ้า แต่เจ้ากลับไม่สามารถทำอะไรข้าได้เลย ช่างน่าสมเพชเสียจริง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่ามัวไปใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยบางเรื่อง จนทำให้เราหมดสง่าราศรีไป
ขณะที่วัว กระทิงตัวหนึ่งกำลังกินหญ้า อย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็มีหนูตัวหนึ่งมากัดเข้าที่ขาของมันแล้วรีบวิ่งไปอยู่ในรู วัวกระทิงเจ็บขามาก
มันตะกุยพื้นดินที่อยู่เหนือรูหนูและส่ายหัวไปมาอย่างโมโหที่ไม่สามารถทำอะไรหนูได้ เจ้าหนูจึงเยาะเย้ยวัวกระทิงว่า ฮ่า ๆ ๆ
ในที่สุดข้าก็สามารถทำให้เจ้าก้มหัวให้ข้าได้ ในขณะที่ หนูอย่างข้า กำชัยชนะเหนือเจ้า แต่เจ้ากลับไม่สามารถทำอะไรข้าได้เลย ช่างน่าสมเพชเสียจริง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่ามัวไปใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยบางเรื่อง จนทำให้เราหมดสง่าราศรีไป
วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562
เสือสองตัว
เสือสองตัว
วันหนึ่งเสือสองตัว บังเอิญมาพบถ้ำแห่งหนึ่งพร้อมกัน แต่เสือสองตัว
ไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้ เสือตัวหนึ่งจึงพูดว่า เจ้าไปหาถ้ำใหม่เถอะ ถ้ำ
แห่งนี้ต้องเป็นของข้า เมื่อพูดทั้งสองก็ต่อสู้กันเพื่อหวังจะครอบครองถ้ำ
ปรากฏส่าเสืออีกตัวหนึ่งเป็นฝ่ายชนะ มันจึงพูดว่า เจ้าน่ะไม่เหมาะสมกับถ้ำใหญ่ๆ แบบนี้หรอก ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นจึงเหมาะสม เสือตัวที่แพ้จึงตอบว่า ข้าจะต้องกลับมาล้างแค้นเจ้าให้ได้
พูดจบมันก็ไปอ้อนวอนขอเทวดาให้ช่วยเสกให้มันตัวใหญ่ขึ้นจะได้เอาชนะเสือตัวนั้นได้ เทวดาไม่ช่วยและพูดว่า เจ้าจงยอมรับผลการตัดสินจะดีกว่า
แพ้ก็ต้องยอมรับ เทวดาพูดจบก็เสก ให้มันเป็นลูกแมวตัวน้อยแทน เพื่อให้
บทเรียนแก่มัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
จงมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
วันหนึ่งเสือสองตัว บังเอิญมาพบถ้ำแห่งหนึ่งพร้อมกัน แต่เสือสองตัว
ไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้ เสือตัวหนึ่งจึงพูดว่า เจ้าไปหาถ้ำใหม่เถอะ ถ้ำ
แห่งนี้ต้องเป็นของข้า เมื่อพูดทั้งสองก็ต่อสู้กันเพื่อหวังจะครอบครองถ้ำ
ปรากฏส่าเสืออีกตัวหนึ่งเป็นฝ่ายชนะ มันจึงพูดว่า เจ้าน่ะไม่เหมาะสมกับถ้ำใหญ่ๆ แบบนี้หรอก ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นจึงเหมาะสม เสือตัวที่แพ้จึงตอบว่า ข้าจะต้องกลับมาล้างแค้นเจ้าให้ได้
พูดจบมันก็ไปอ้อนวอนขอเทวดาให้ช่วยเสกให้มันตัวใหญ่ขึ้นจะได้เอาชนะเสือตัวนั้นได้ เทวดาไม่ช่วยและพูดว่า เจ้าจงยอมรับผลการตัดสินจะดีกว่า
แพ้ก็ต้องยอมรับ เทวดาพูดจบก็เสก ให้มันเป็นลูกแมวตัวน้อยแทน เพื่อให้
บทเรียนแก่มัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
จงมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2562
แพะสองตัว
แพะสองตัว
ในท้องทุ่งแห่งหนึ่ง มี แพะอยู่สองฝูง ซึ่งหากินและอาศัยกันอยู่คนละฟากของลำธาร แต่แล้ววันหนึ่งแพะซึ่งเป็นหัวหน้าฝูงของทั้งสองฝ่ายได้เดินมามาพบกันที่สะพาน ด้านล่างมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่าน สะพานนั้นเป็นไม้เก่าๆมีทางเดินที่แสนแคบและยากลำบาก
แพะทั้งสองตัวต่างก็จะข้ามไปยังอีกฟากของลำธาร และด้วยความทะนงตนของมันทั้งคู่ทำให้ไม่มีตัวไหนยอมหลบ ให้อีกตัวที่อยู่ตรงข้ามเมื่อตัวหนึ่งก้าวขาลงบนท่อนไม้ อีกตัวก็ก้าวตาม
จนทั้งคู่เดินมาจนถึงกลางสะพาน หัวหน้าฝูงที่อยู่ฝั่งตะวันออกก็ส่งเสียงตวาดว่า เจ้าจงหลีกไปให้พ้น ให้ข้าเดินข้ามไปก่อนแล้วเจ้าค่อยข้าม หัวหน้าฝูง
ที่อยู่ฝั่งตะวันตกก็ไม่ยอมแพ้ จึงบอกว่า เจ้าต่างหากที่ต้องหลีกทางให้ข้าข้ามไปก่อน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การรู้จักโอนอ่อนผ่อนปรนบ้าง…ย่อมดีกว่าผู้ทระนงตนหรือมีทิฏฐิดื้อรั้น
จะส่งผลให้ได้รับเคราะห์ร้ายในที่สุด
ในท้องทุ่งแห่งหนึ่ง มี แพะอยู่สองฝูง ซึ่งหากินและอาศัยกันอยู่คนละฟากของลำธาร แต่แล้ววันหนึ่งแพะซึ่งเป็นหัวหน้าฝูงของทั้งสองฝ่ายได้เดินมามาพบกันที่สะพาน ด้านล่างมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่าน สะพานนั้นเป็นไม้เก่าๆมีทางเดินที่แสนแคบและยากลำบาก
แพะทั้งสองตัวต่างก็จะข้ามไปยังอีกฟากของลำธาร และด้วยความทะนงตนของมันทั้งคู่ทำให้ไม่มีตัวไหนยอมหลบ ให้อีกตัวที่อยู่ตรงข้ามเมื่อตัวหนึ่งก้าวขาลงบนท่อนไม้ อีกตัวก็ก้าวตาม
จนทั้งคู่เดินมาจนถึงกลางสะพาน หัวหน้าฝูงที่อยู่ฝั่งตะวันออกก็ส่งเสียงตวาดว่า เจ้าจงหลีกไปให้พ้น ให้ข้าเดินข้ามไปก่อนแล้วเจ้าค่อยข้าม หัวหน้าฝูง
ที่อยู่ฝั่งตะวันตกก็ไม่ยอมแพ้ จึงบอกว่า เจ้าต่างหากที่ต้องหลีกทางให้ข้าข้ามไปก่อน
เมื่อตกลงกันไม่ได้ แพะทั้งสองตัวจึงกระโจนเข้าใส่กัน พวกมันใช้เขาขวิดกัน เพราะไม่มีใครหลีกทางให้ใคร ต่างก็คิดว่าตนเองเหนือกว่าอีกฝ่าย ทันใดนั้นพวกมันทั้งคู่ก็ตกจากสะพาน และถูกกระแสน้ำที่กำลังเชี่ยวกรากพัดพาไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การรู้จักโอนอ่อนผ่อนปรนบ้าง…ย่อมดีกว่าผู้ทระนงตนหรือมีทิฏฐิดื้อรั้น
จะส่งผลให้ได้รับเคราะห์ร้ายในที่สุด
วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562
มดกับดักแด้
มดกับดักแด้
ในวันอากาศแจ่มใส มดตัวหนึ่งกำลังวิ่งออกหาอาหาร อย่างคล่องแคล่ว มันเดินข้ามผ่านดักแด้ตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายจากดักแด้เป็นผีเสื้อ ดักแด้ที่ขยับหางของมัน ทำให้มดจ้องมองด้วยความสนใจ และรู้ว่าสิ่งที่มันเห็นมีชีวิต เจ้ามดไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อน มันรู้สึกไม่ค่อยชอบและนึกรังเกียจ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ไม่ควรตัดสินคุณค่าของผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก
ในวันอากาศแจ่มใส มดตัวหนึ่งกำลังวิ่งออกหาอาหาร อย่างคล่องแคล่ว มันเดินข้ามผ่านดักแด้ตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายจากดักแด้เป็นผีเสื้อ ดักแด้ที่ขยับหางของมัน ทำให้มดจ้องมองด้วยความสนใจ และรู้ว่าสิ่งที่มันเห็นมีชีวิต เจ้ามดไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อน มันรู้สึกไม่ค่อยชอบและนึกรังเกียจ
น่าสงสารจริง ๆ เลย มดร้องด้วยเสียงเหยียดหยัน เจ้านี่ช่างมีโชคชะตาที่น่าเศร้าอะไรเช่นนี้ ในขณะที่ข้าสามารถที่จะวิ่งไปไหนมาไหนได้ตามที่ใจต้องการ ปีนขึ้นยอดต้นไม้ แต่เจ้าได้แต่นอนนิ่งในเปลือกของตัวเองอยู่ตรงนี้และมีแรงแค่ขยับหางเท่านั้น ดักแด้ได้ยินคำเหยียดหยันที่มดพูดออกมาทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบใด ๆ
ไม่กี่วันต่อมา เมื่อมดตัวดังกล่าวเดินผ่านมาทางนั้นอีกครั้ง ก็ไม่พบสิ่งใดอีก นอกจากเปลือกของดักแด้ที่ยังคงอยู่บริเวณนั้น มันประหลาดใจว่าสิ่งที่อยู่ในเปลือกกลายไปเป็นอะไร มดรู้สึกทันทีว่าตัวเองกำลังได้รับร่มเงาจากปีกที่สวยงามของผีเสื้อ
เห็นข้าไหม ผีเสื้อพูด เจ้าน่าเวทนายิ่งนัก ตอนนี้ เจ้าสามารถโอ้อวดพละกำลังของเจ้าในการวิ่งและปีนไต่ได้เท่าที่เจ้าอยากให้ข้าฟังได้นะ จากนั้น ผีเสื้อก็บินขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้าไปตามสายลมที่แผ่วเบาในฤดูร้อนจนลับสายตาของมดไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ไม่ควรตัดสินคุณค่าของผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก
วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ลากับหมาป่า
ลากับหมาป่า
ลาตัวหนึ่งกำลังกินหญ้า ในทุ่งแย่างเพลิดเพลิน บังเอิญหมาป่าตัวหนึ่งผ่านมาเห็นเข้าก็คิดจะจับลากินเป็นอาหาร ลารู้ว่าภัยกำลังจะมาถึงตัวจึงแกล้งทำเป็นเจ็บเท้า แล้วขอร้องให้หมาป่าช่วย
ท่านช่วยดึงหนามที่ตำเท้าข้าอยู่ออกให้หน่อยได้ไหม หมาป่าถามว่า แล้วทำไมข้าถึงต้องช่วยเจ้าด้วยล่ะ ถ่าท่านไม่ดึงหนามออกก่อน แล้วท่านกินข้าเข้าไป หนามมันก็จะไปตำคอท่านน่ะสิ หมาป่าเห็นว่าลาพูดมีเหตุผล
จึงก้มลงไปจะ ดึงหนามออกจากเท้าลา ลาได้จังหวะก็เตะเช้าที่หน้าหมาป่าเต็มแรงแล้วรีบวิ่งหนีไป หมาป่าได้แต่บ่นกับตัวเองว่า ทำไมข้าถึงได้พยายามช่วยมันทั้งที่ข้ารู้วิธีการฆ่ามันแท้ ๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความประมาททำให้คนฉลาดมีโอกาสเสียท่าคนที่โง่กว่าได้
ลาตัวหนึ่งกำลังกินหญ้า ในทุ่งแย่างเพลิดเพลิน บังเอิญหมาป่าตัวหนึ่งผ่านมาเห็นเข้าก็คิดจะจับลากินเป็นอาหาร ลารู้ว่าภัยกำลังจะมาถึงตัวจึงแกล้งทำเป็นเจ็บเท้า แล้วขอร้องให้หมาป่าช่วย
ท่านช่วยดึงหนามที่ตำเท้าข้าอยู่ออกให้หน่อยได้ไหม หมาป่าถามว่า แล้วทำไมข้าถึงต้องช่วยเจ้าด้วยล่ะ ถ่าท่านไม่ดึงหนามออกก่อน แล้วท่านกินข้าเข้าไป หนามมันก็จะไปตำคอท่านน่ะสิ หมาป่าเห็นว่าลาพูดมีเหตุผล
จึงก้มลงไปจะ ดึงหนามออกจากเท้าลา ลาได้จังหวะก็เตะเช้าที่หน้าหมาป่าเต็มแรงแล้วรีบวิ่งหนีไป หมาป่าได้แต่บ่นกับตัวเองว่า ทำไมข้าถึงได้พยายามช่วยมันทั้งที่ข้ารู้วิธีการฆ่ามันแท้ ๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความประมาททำให้คนฉลาดมีโอกาสเสียท่าคนที่โง่กว่าได้
วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562
จั๊กจั่นกับมดง่าม
จั๊กจั่นกับมดง่าม
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้วมีจั๊กจั่นเจ้าสำราญตัวหนึ่งมีนิสัยเกียจคร้าน ชอบความสะดวกสบาย ตลอดช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา มดง่ามพากันหาอาหารไปเก็บสะสมไว้ในรัง แต่เจ้าจั๊กจั่นมัวแต่ร้องรำทำเพลง
สนุกสนานไปวันๆครั้นถึง ฤดูหนาวหิมะตกหนัก มดง่ามเก็บตัวอยู่กับเม็ดพืชที่มันได้หาเก็บเตรียพร้อมไว้ ส่วนจั๊กจั่นนั้นไม่สามารถหาอาหารกินได้
อดอยู่หลายวันจนในที่สุด ต้องซมซานด้วยความหิวโหยมาเคาะประตูรังของมดง่ามที่เคยรู้จักกัน ได้โปรดเถิด ข้าขาดอาหารมาตั้งหลายวัน
ขออาหารให้ข้ากินประทับความหิวหน่อยได้หรือไม่ ข้าสัญญาว่าเมื่อพ้นฤดูฝนนี้ไปแล้ว ข้าสัญญาว่าจะหามาใช้คืนให้เป็นเท่าตัว เจ้าจั๊กจั่นพยายามวิงวอนมดง่ามถึงถามขึ้นมาว่า แล้วในฤดูร้อนมีอาหารอุดมสมบูรณ์
ใครๆเขาพากันทำมาหากินตัวเป็นเกลียว เจ้าไปทำอะไรมาจึงไม่หาอาหารมาเก็บใว้เล่าจั๊กจั่นตอบว่า เพราะว่าข้าไม่มีเวลาน่ะสิ ข้ายุ่งอยู่กับการร้องเพลง ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เมื่อตอนที่เจ้าและเพื่อนๆขนอาหารผ่านมา
ก็ได้ยินมิใช่หรือ ครั้นพอถึงฤดูฝน ก็ไม่มีอาหารเหลือให้เก็บไว้เลยฝ่ายมง่ามได้ยินดังนั้นก็หัวเราะกับตอบของจั๊กจั่น พลางเก็บเม็ดข้าวกองพูนของตนไว้ในห้องใต้ดิน แล้วเอ่ยเย้ยจั๊กจั่นว่า
ในเมื่อฤดูร้อนเจ้าเอาแต่ร้องเพลงไปวันๆ เมื่อถึงฤดูฝนทำไมเจ้าไม่เอาเวลาไปเต้นรำด้วยหล่ะ กล่าวจบมดก็ปิดประตูทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ผู้ขยันย่อมไม่ประมาทเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตย่อมไม่อดอยากคนเกียจคร้านและประมาทมักปล่อยเวลาไปกับความต้องการที่โง่เขลาของตนจึงมักจะได้รับความลำบากยากแค้นในอนาคต
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้วมีจั๊กจั่นเจ้าสำราญตัวหนึ่งมีนิสัยเกียจคร้าน ชอบความสะดวกสบาย ตลอดช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา มดง่ามพากันหาอาหารไปเก็บสะสมไว้ในรัง แต่เจ้าจั๊กจั่นมัวแต่ร้องรำทำเพลง
สนุกสนานไปวันๆครั้นถึง ฤดูหนาวหิมะตกหนัก มดง่ามเก็บตัวอยู่กับเม็ดพืชที่มันได้หาเก็บเตรียพร้อมไว้ ส่วนจั๊กจั่นนั้นไม่สามารถหาอาหารกินได้
อดอยู่หลายวันจนในที่สุด ต้องซมซานด้วยความหิวโหยมาเคาะประตูรังของมดง่ามที่เคยรู้จักกัน ได้โปรดเถิด ข้าขาดอาหารมาตั้งหลายวัน
ขออาหารให้ข้ากินประทับความหิวหน่อยได้หรือไม่ ข้าสัญญาว่าเมื่อพ้นฤดูฝนนี้ไปแล้ว ข้าสัญญาว่าจะหามาใช้คืนให้เป็นเท่าตัว เจ้าจั๊กจั่นพยายามวิงวอนมดง่ามถึงถามขึ้นมาว่า แล้วในฤดูร้อนมีอาหารอุดมสมบูรณ์
ใครๆเขาพากันทำมาหากินตัวเป็นเกลียว เจ้าไปทำอะไรมาจึงไม่หาอาหารมาเก็บใว้เล่าจั๊กจั่นตอบว่า เพราะว่าข้าไม่มีเวลาน่ะสิ ข้ายุ่งอยู่กับการร้องเพลง ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เมื่อตอนที่เจ้าและเพื่อนๆขนอาหารผ่านมา
ก็ได้ยินมิใช่หรือ ครั้นพอถึงฤดูฝน ก็ไม่มีอาหารเหลือให้เก็บไว้เลยฝ่ายมง่ามได้ยินดังนั้นก็หัวเราะกับตอบของจั๊กจั่น พลางเก็บเม็ดข้าวกองพูนของตนไว้ในห้องใต้ดิน แล้วเอ่ยเย้ยจั๊กจั่นว่า
ในเมื่อฤดูร้อนเจ้าเอาแต่ร้องเพลงไปวันๆ เมื่อถึงฤดูฝนทำไมเจ้าไม่เอาเวลาไปเต้นรำด้วยหล่ะ กล่าวจบมดก็ปิดประตูทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ผู้ขยันย่อมไม่ประมาทเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตย่อมไม่อดอยากคนเกียจคร้านและประมาทมักปล่อยเวลาไปกับความต้องการที่โง่เขลาของตนจึงมักจะได้รับความลำบากยากแค้นในอนาคต
วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ลูกวัวขี้เกียจ
ลูกวัวขี้เกียจ
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้วมี ลูกวัวตัวหนึ่ง มักมีนิสัยเกียจคร้าน ไม่ยอมทำงาน วันๆก็เอาแต่วิ่งเล่นบนทุ่งหญ้า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้เกียจคร้านมักพบจุดจบอันน่าเศร้า
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้วมี ลูกวัวตัวหนึ่ง มักมีนิสัยเกียจคร้าน ไม่ยอมทำงาน วันๆก็เอาแต่วิ่งเล่นบนทุ่งหญ้า
ระหว่างที่ลูกวัวกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นก็เห็นวัวแก่เดินลากเกวียนผ่านมา เจ้าลูกวัวก็เข้าไปเย้าแหย่ ล้อเลียน โธ่
วัวแก่ผู้น่าสงสารต้องลากเกวียนทำงานหนักจนขนสกปรกเกรอะกรัง ดูข้าสิ กินอิ่มนอนหลับสบาย ขนก็สะอาดเงางาม ราวกับเส้นไหม
วัวไม่พูดสิ่งใดยังคงลากเกวียนต่อไปตามทางต่อมาวันหนึ่ง เมื่อชาวบ้านลากลูกวัวเพื่อนำไปฆ่าสังเวยพิธีบูชายัญ วัวแก่เห็นดังนั้นก็พูดขึ้นว่า
เป็นยังไงล่ะ เพราะเจ้าขี้เกียจแท้ ๆ อยู่ไปก็ไม่ทำประโยชน์ จึงต้องพบจุดจบเช่นนี้ ช่างน่าสงสารยิ่งกว่าข้าที่ต้องทำงานหนักเสียอีก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้เกียจคร้านมักพบจุดจบอันน่าเศร้า
วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ลูกแกะโง่
ลูกแกะโง่
ลูกแกะตัวหนึ่ง เดินหลงฝูงพลัดตกลงไปในบ่อน้ำมัน กว่ามันจะขึ้นมาจากบ่อได้ ขนของมันก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำมันหมดแล้ว
ขณะที่มันกำลังเดินกลับไปหาฝูง ประกายไฟจากคบเพลิงที่มีคนจุดทิ้งไว้ก็กระเด็นมาติดที่ขนของมัน เกิดเป็นลูกไฟเล็ก ๆ
มันเที่ยววิ่งไปอวดแกะตัวอื่น ๆ ว่า ไฟบนตัวข้ามันให้แสงสว่างมากกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก ทันใดนั้นลมพัดแรงขึ้น
ทำให้ลูกไฟ บนตัวมันลุกโชน ขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกแกะจึงถูกไฟคลอกตาย
เมื่อเจ้าของมาเห็นร่างของมันขึงพูดขึ้นว่า ชาติหน้าเจ้าจงไปเกิดเป็นดาวลูกแกะแล้วกันนะ จะได้มีแสงสว่างในตัวเองสมใจ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เพราะมันจะเป็นภัยร้ายต่อตัวเองในภายหลัง
ลูกแกะตัวหนึ่ง เดินหลงฝูงพลัดตกลงไปในบ่อน้ำมัน กว่ามันจะขึ้นมาจากบ่อได้ ขนของมันก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำมันหมดแล้ว
ขณะที่มันกำลังเดินกลับไปหาฝูง ประกายไฟจากคบเพลิงที่มีคนจุดทิ้งไว้ก็กระเด็นมาติดที่ขนของมัน เกิดเป็นลูกไฟเล็ก ๆ
มันเที่ยววิ่งไปอวดแกะตัวอื่น ๆ ว่า ไฟบนตัวข้ามันให้แสงสว่างมากกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก ทันใดนั้นลมพัดแรงขึ้น
ทำให้ลูกไฟ บนตัวมันลุกโชน ขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกแกะจึงถูกไฟคลอกตาย
เมื่อเจ้าของมาเห็นร่างของมันขึงพูดขึ้นว่า ชาติหน้าเจ้าจงไปเกิดเป็นดาวลูกแกะแล้วกันนะ จะได้มีแสงสว่างในตัวเองสมใจ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เพราะมันจะเป็นภัยร้ายต่อตัวเองในภายหลัง
วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562
กวางในคอกวัว
กวางในคอกวัว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีก วางตัวหนึ่ง วิ่งหนีการตามล่าจากนายพราน
มันหนีกระเซอกระเซิงจนมาถึงโรงนาแห่งหนึ่ง จึงวิ่งเข้าไปหลบซ่อนตัว
อยู่ในกองหญ้า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เมื่อประสบความสำเร็จในครั้งแรกจงอย่าประมาท เพราะอาจจะพลาดพลั้งในครั้งต่อ ๆ ไปได้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีก วางตัวหนึ่ง วิ่งหนีการตามล่าจากนายพราน
มันหนีกระเซอกระเซิงจนมาถึงโรงนาแห่งหนึ่ง จึงวิ่งเข้าไปหลบซ่อนตัว
อยู่ในกองหญ้า
เจ้าวัวเห็นจึงร้องเตือนว่า ข้าว่าเจ้าควรไปหาที่ซ่อนแห่งใหม่ดีกว่านะ เพราะ
อีกไม่นานคนเลี้ยงวัวก็จะเข้ามาในโรงนาแห่งนี้เพื่อจัดหาหญ้าฟางให้พวก
ข้ากินและเขาจะต้องพบเจ้า แต่กวางไม่ยอมไป
แล้วอ้อนวอนว่า ตอนนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกินขอพักสักครู่หนึ่งเถอะ พวกวัวช่วยกันทำตามที่กวางขอร้องเมื่อ คนเลี้ยงวัว หอบเอาหญ้าเข้ามาเติมให้ใน
รางแล้วกลับออกไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นเจ้ากวาง
เจ้าวัวจึงเตือนขึ้นอีกครั้งว่า เจ้าหายเหนื่อยแล้ว ข้าว่าเจ้าออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า เพราะถ้าเจ้านายของข้าเข้ามาตรวจความเรียบร้อย เขาจะต้องพบเจอเจ้าแน่ๆ
เจ้ากวางจึงบอกว่า ถ้าพวกเจ้าช่วยกันปิดบังไว้ ย่อมไม่มีใครพบเห็นข้าได้ ขอพักหลบภัยที่นี่สักคืนหนึ่งก่อน กวางยังคงดื้อดึงไม่ฟังคำเตือนของวัว
และไม่นานนักเมื่อเจ้าของโรงนาเข้ามาตรวจความเรียบร้อยและสังเกตเห็นกวางอยู่ใต้กองหญ้า จึงเรียกคนรับใช้มาช่วยกันจับเอาไว้ได้ในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เมื่อประสบความสำเร็จในครั้งแรกจงอย่าประมาท เพราะอาจจะพลาดพลั้งในครั้งต่อ ๆ ไปได้
วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562
เม่นกับงู
เม่นกับงู
เม่นตัวหนึ่ง กำลังมองหาบ้านดีๆ สักหลัง ท้ายสุดมันพบถ้ำเล็กๆ ที่มีกำบังซึ่งมีครอบครัวงูอาศัยอยู่ก่อนแล้ว มันถามพวกงูว่าจะอนุญาตให้มันเข้าไปอยู่ในถ้ำได้ไหม งูตอบตกลงด้วยความใจดี
เสียสละนิ้วมือ ในที่สุดก็จะเสียทั้งมือ
เม่นตัวหนึ่ง กำลังมองหาบ้านดีๆ สักหลัง ท้ายสุดมันพบถ้ำเล็กๆ ที่มีกำบังซึ่งมีครอบครัวงูอาศัยอยู่ก่อนแล้ว มันถามพวกงูว่าจะอนุญาตให้มันเข้าไปอยู่ในถ้ำได้ไหม งูตอบตกลงด้วยความใจดี
ไม่ช้าไม่นาน งูก็คิดว่าไม่น่าอนุญาตให้เม่นเข้ามาอยู่ด้วยเลย ขนแหลมๆ ของเม่นทิ่มแทงพวกมันทุกครั้งที่หมุนตัว และในที่สุด พวกมันก็ต้องขอร้องให้เม่นจากไปอย่างสุภาพ
ข้าพอใจที่นี่มากเลย ขอบคุณนะ เม่นกล่าว ข้าตั้งใจแล้วละว่าจะอยู่ที่นี่ ว่าแล้วมันก็ค่อยๆ ตามไปส่งพวกงูที่นอกประตู และเพื่อปกป้องผิวหนังของพวกมัน งูจึงต้องหาบ้านใหม่ในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เสียสละนิ้วมือ ในที่สุดก็จะเสียทั้งมือ
วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562
นกกระสากับหมาจิ้งจอก
นกกระสากับหมาจิ้งจอก
วันหนึ่ง หมาจิ้งจอก นึกอยากจะแกล้งนกกระสา มันจึงเชิญนกกระสามา
กินอาหารค่ำที่บ้าน อาหารที่มันเตรียมไว้รับแขกก็คือซุปที่ใส่ไว้ในจานก้น
ตื้้น แต่ปากของนกกระสายาวกว่าปากของหมาจิ้งจอกมันจึงไม่สามารถกิน
ได้ต้องกลับบ้านไปด้วยความหิว
หลายวันต่อมา นกกระสา จึงเชิญหมาจิ้งจอกมาที่บ้านบ้าง มันเตรียมอาหารใส่คนโทไว้ หมาจิ้งจอกพยายามยื่นปากลงไปกินอาหารในคนโทแต่ก็ไม่ถึงนกกระสาจึงพูดขี้นว่า เจ้าจะมาว่าข้าไม่ได้นะ
เพราะข้าทำแบบเดียวกับที่เจ้าเคยทำกับข้าเท่านั้นเอง หมาจิ้งจอกจึงต้องกลับบ้านไปโดยที่ไม่ได้กินอะไรแม้แต่น้อย
วันหนึ่ง หมาจิ้งจอก นึกอยากจะแกล้งนกกระสา มันจึงเชิญนกกระสามา
กินอาหารค่ำที่บ้าน อาหารที่มันเตรียมไว้รับแขกก็คือซุปที่ใส่ไว้ในจานก้น
ตื้้น แต่ปากของนกกระสายาวกว่าปากของหมาจิ้งจอกมันจึงไม่สามารถกิน
ได้ต้องกลับบ้านไปด้วยความหิว
หลายวันต่อมา นกกระสา จึงเชิญหมาจิ้งจอกมาที่บ้านบ้าง มันเตรียมอาหารใส่คนโทไว้ หมาจิ้งจอกพยายามยื่นปากลงไปกินอาหารในคนโทแต่ก็ไม่ถึงนกกระสาจึงพูดขี้นว่า เจ้าจะมาว่าข้าไม่ได้นะ
เพราะข้าทำแบบเดียวกับที่เจ้าเคยทำกับข้าเท่านั้นเอง หมาจิ้งจอกจึงต้องกลับบ้านไปโดยที่ไม่ได้กินอะไรแม้แต่น้อย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นใดย่อมได้รับผลตอบแทนเช่นกันวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สุนัขจิ้งจอกกับเสือดาว
สุนัขจิ้งจอกกับเสือดาว
ณ ป่าแห่งหนึ่ง มี เสือดาวตัวหนึ่ง รู้สึกภูมิใจกับลวดลายที่สวยงามของตัวมันมาก และมักจะอวดลายกับสัตว์ตัวอื่นอย่างหลงตัวเองว่า ไม่มีสัตว์ใดในป่าที่จะมีลวดลายที่งดงามไปกว่าข้าอีกแล้ว วันหนึ่งเสือดาวเดินมาพบกับ
สุนัขจิ้งจอก มันจึงโอ้อวดว่าขนและลายของมันสวยงามกว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นไหนๆสุนัขจิ้งจอกโต้ตอบเสือดาวกลับไปว่า ลวดลายที่อยู่ภายนอกไม่ได้ทำให้ตัวเจ้าดีไปกว่าพวกเราหรอก ความสวยงามมันอยู่ที่จิตใจต่างหาก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความงดงามในจิตใจสำคัญกว่าความสวยงามแค่ภายนอก
ณ ป่าแห่งหนึ่ง มี เสือดาวตัวหนึ่ง รู้สึกภูมิใจกับลวดลายที่สวยงามของตัวมันมาก และมักจะอวดลายกับสัตว์ตัวอื่นอย่างหลงตัวเองว่า ไม่มีสัตว์ใดในป่าที่จะมีลวดลายที่งดงามไปกว่าข้าอีกแล้ว วันหนึ่งเสือดาวเดินมาพบกับ
สุนัขจิ้งจอก มันจึงโอ้อวดว่าขนและลายของมันสวยงามกว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นไหนๆสุนัขจิ้งจอกโต้ตอบเสือดาวกลับไปว่า ลวดลายที่อยู่ภายนอกไม่ได้ทำให้ตัวเจ้าดีไปกว่าพวกเราหรอก ความสวยงามมันอยู่ที่จิตใจต่างหาก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความงดงามในจิตใจสำคัญกว่าความสวยงามแค่ภายนอก
วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2562
อีกากับหงส์
อีกากับหงส์
อีกาตัวหนึ่ง ซึ่งใครๆ ก็รู้ดีว่ามันดำราวกับถ่าน รู้สึกอิจฉาหงส์ เพราะขนของหงส์มีสีขาวผุดผ่องดุจดั่งหิมะบริสุทธิ์ เจ้านกโง่ งมมีความคิดว่าหากมันใช้ชีวิตเหมือนหงส์ที่ว่ายน้ำและดำน้ำตลอดทั้งวัน
กินแต่สาหร่ายและตะไคร่น้ำ ขนของมันก็คงจะกลายเป็นเหมือนสีขาวหงส์
ดังนั้นมันจึงจะละทิ้งบ้านของมันในป่าและทุ่งนา แล้วบินร่อนลงไปอาศัยอยู่ในทะเลสาบและหนองน้ำ แม้ว่าตลอดทั้งวันมันเอาแต่ล้างตัวแล้วล้างตัวอีก จนแทบจะจมน้ำ ขนของมันก็ยังคงเป็นสีดำอยู่เช่นนั้น
แถมวัชพืชน้ำที่มันกินเข้าไปยังไม่เหมาะกับร่างกาย มันจึงผ่ายผอมลงเรื่อยๆ จนในกระทั่งในที่สุดมันก็ตาย
อีกาตัวหนึ่ง ซึ่งใครๆ ก็รู้ดีว่ามันดำราวกับถ่าน รู้สึกอิจฉาหงส์ เพราะขนของหงส์มีสีขาวผุดผ่องดุจดั่งหิมะบริสุทธิ์ เจ้านกโง่ งมมีความคิดว่าหากมันใช้ชีวิตเหมือนหงส์ที่ว่ายน้ำและดำน้ำตลอดทั้งวัน
กินแต่สาหร่ายและตะไคร่น้ำ ขนของมันก็คงจะกลายเป็นเหมือนสีขาวหงส์
ดังนั้นมันจึงจะละทิ้งบ้านของมันในป่าและทุ่งนา แล้วบินร่อนลงไปอาศัยอยู่ในทะเลสาบและหนองน้ำ แม้ว่าตลอดทั้งวันมันเอาแต่ล้างตัวแล้วล้างตัวอีก จนแทบจะจมน้ำ ขนของมันก็ยังคงเป็นสีดำอยู่เช่นนั้น
แถมวัชพืชน้ำที่มันกินเข้าไปยังไม่เหมาะกับร่างกาย มันจึงผ่ายผอมลงเรื่อยๆ จนในกระทั่งในที่สุดมันก็ตาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่อาจแก้ไขสิ่งที่ธรรมชาติให้มาวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ลิงกับสุนัขจิ้งจอก
ลิงกับสุนัขจิ้งจอก
ลิงตัวหนึ่ง เกิดมามีหางสั้นมาก มันได้แต่เฝ้ามองลิงตัวอื่น ๆ และอยากมีหางยาวบ้าง จะได้ห้อยโหนต้นไม้คล่องแคล่วเหมือนพวกมัน วันหนึ่งสุนัขจิ้งจอกเดินผ่านมา เจ้าลิงเห็นสุนัขจิ้งจอกมีหางที่ยาวแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มันจึงพูดกับสุนัขจิ้งจอกว่า หางของท่านทั้งและสวยเหลือเกิน ข้าขอแบ่งหางของท่านมาสักหน่อยได้ไหม แต่ สุนัขจิ้งจอก ปฏิเสธว่า ปล่อยให้หางของข้ายาวเกินความจำเป็นอยู่เช่นนี้ ยังดีกว่าต้องแบ่งมันให้กับลิงอย่างเจ้า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
สิ่งที่ไม่มีค่าสำหรับเราอาจเป็นประโยชน์กับคนอื่น ไม่ควรเก็บไว้โดยเปล่าประโยชน์
ลิงตัวหนึ่ง เกิดมามีหางสั้นมาก มันได้แต่เฝ้ามองลิงตัวอื่น ๆ และอยากมีหางยาวบ้าง จะได้ห้อยโหนต้นไม้คล่องแคล่วเหมือนพวกมัน วันหนึ่งสุนัขจิ้งจอกเดินผ่านมา เจ้าลิงเห็นสุนัขจิ้งจอกมีหางที่ยาวแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มันจึงพูดกับสุนัขจิ้งจอกว่า หางของท่านทั้งและสวยเหลือเกิน ข้าขอแบ่งหางของท่านมาสักหน่อยได้ไหม แต่ สุนัขจิ้งจอก ปฏิเสธว่า ปล่อยให้หางของข้ายาวเกินความจำเป็นอยู่เช่นนี้ ยังดีกว่าต้องแบ่งมันให้กับลิงอย่างเจ้า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
สิ่งที่ไม่มีค่าสำหรับเราอาจเป็นประโยชน์กับคนอื่น ไม่ควรเก็บไว้โดยเปล่าประโยชน์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)