คาสิโนออนไลน์

คาสิโนออนไลน์
คาสิโนออนไลน์

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป กระต่ายกับเต่า นิทานก่อนนอนสำหรับเล่าให้ลูกน้อยฟัง

นิทานอีสป เรื่อง กระต่ายกับเต่า นิทานเด็ก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหานิทานดี ๆ ไว้เล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอน ลองมาอ่านเรื่องนี้กันเลยค่ะ

นิทานอีสป  สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่กำลังหานิทานดี ๆ เล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอน แต่ไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องไหนดีละก็ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีนิทานอีสปก่อนนอน เรื่อง "กระต่ายกับเต่า" มาฝากกันแล้วค่ะ รับรองว่านอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกและถูกใจเจ้าตัวน้อยแล้ว ยังได้ข้อคิดและคติสอนใจอีกด้วย
กระต่ายกับเต่า

          ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีกระต่ายตัวหนึ่งมั่นใจในความเร็วของฝีเท้าตัวเองมาก และมักพูดโม้โอ้อวดว่าไม่มีใครเทียบเทียมได้ จนวันหนึ่ง เจ้ากระต่ายได้พบกับเต่าที่กำลังเดินต้วมเตี้ยมผ่านมา เมื่อเห็นดังนั้น เจ้ากระต่ายก็หัวเราะเยาะและพูดล้อเลียนว่า "นี่เจ้าเต่า มัวแต่เดินอืดอาดอย่างนี้ แล้วเมื่อไรจะถึงบ้านกันล่ะเนี่ย ต่อให้เจ้าเดินนำหน้าไปก่อนครึ่งวัน ข้ายังตามเจ้าทันเลย"


          เจ้าเต่าได้ยินดังนั้น ก็เกิดอาการไม่พอใจ เลยพูดตอบกลับไปว่า "ถึงข้าจะเดินช้า แต่ข้าก็กลับถึงบ้านทุกวัน ถ้าอย่างงั้นเรามาลองวิ่งแข่งกันมั้ยล่ะ แล้วข้าจะเอาชนะเจ้าให้ดู"

          กระต่ายเห็นว่าเจ้าเต่าท้าแข่งอย่างนั้น ก็ตอบตกลงพร้อมกับพูดไปอย่างขำ ๆ ว่า "ฮ่า ฮ่า ฮ่า โถ... เจ้าเต่า เชื่องช้าอย่างเจ้าน่ะเหรอ จะมาชนะกระต่ายที่รวดเร็วอย่างข้าได้ ไม่มีทางหรอก"


          เมื่อถึงวันแข่งขัน เจ้ากระต่ายได้วิ่งออกจากจุดเริ่มต้นไปด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า แซงหน้าเจ้าเต่าไปไกล และเมื่อหันหลังกลับไปดูก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าเต่า เลยคิดว่าคงอีกนานกว่าเจ้าเต่าจะเดินมาถึง จึงนึกในใจว่า "งั้นข้าของีบเอาแรงสักหน่อยดีกว่า ยังไงก็ชนะอยู่แล้ว" แล้วไม่นานเจ้ากระต่ายก็เผลอหลับไป


          ส่วนเจ้าเต่า ก็ยังคงเดินต้วมเตี้ยม ๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยย่อท้อ เดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงเส้นชัย ทางด้านกระต่ายที่นอนอยู่แถวนั้นก็สะดุ้งตื่นขึ้น เห็นรอยเท้าเต่าที่พื้นก็รีบวิ่งตามไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเมื่อเจ้ากระต่ายวิ่งมาถึงเส้นชัยก็พบว่าเจ้าเต่าที่ตนเคยสบประมาทไว้นั้น ได้เดินเข้าเส้นชัย เป็นผู้ชนะในการแข่งขันครัั้งนี้

          เหตุการณ์นี้ทำให้เจ้ากระต่ายรู้สึกเสียใจมากที่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าเต่า เพียงเพราะความประมาทของตัวเองนั่นเอง...

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : 

          หากเราใช้ชีวิตอย่างประมาท ก็อาจเป็นหนทางที่นำมาสู่ความพ่ายแพ้ได้ ดังเช่นเจ้ากระต่ายตัวนี้ที่ประมาทเลินเล่อ คิดว่าตัวเองวิ่งได้เร็วกว่า จึงชะล่าใจ ไม่คิดที่จะพยายามหรือวิ่งแข่งให้สำเร็จ จนสุดท้ายก็โดนเจ้าเต่าวิ่งแซงเข้าเส้นชัยไปในที่สุด เช่นเดียวกันกับการเรียน หากเด็ก ๆ หลงคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว จึงไม่ขยันตั้งใจอ่านหนังสือ เพื่อนที่เขามีความขยันและมีความพยายามมากกว่า ก็อาจมีผลการเรียนที่ดีกว่าเราได้

          ส่วนกรณีของเจ้าเต่านั้น ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างมาก จึงจะประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะเดินช้า แต่ก็ไม่ท้อถอย และยังคงก้าวเดินต่อไป แม้ต้องเหน็ดเหนื่อยหรือใช้เวลานานแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็สามารถเดินเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ ซึ่งหากเด็ก ๆ อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ควรขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียน มีความอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ดังข้อคิดที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นค่ะ 

ขอบคุณแหล่งที่มา    https://baby.kapook.com

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป เด็กเลี้ยงแกะ นิทานอีสปก่อนนอนสำหรับเล่าให้ลูกน้อยฟัง

นิทานอีสป เรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ พร้อมภาพประกอบสีสันสดใสและคติสอนใจ นิทานดี ๆ ที่เหมาะให้คุณพ่อคุณแม่เล่าให้เด็ก ๆ ฟังก่อนนอน

นิทานอีสป หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่กำลังหานิทานอีสปสนุก ๆ พร้อมคติสอนใจมาเล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอนอยู่ละก็ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีนิทานอีสปก่อนนอน เรื่อง "เด็กเลี้ยงแกะ" มาฝากกัน เนื้อเรื่องสนุกชวนติดตาม พร้อมมีภาพประกอบสีสันสดใส ทั้งยังสอดแทรกข้อคิดแล้วคติสอนใจให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย ว่าแล้วก็รีบมาอ่านให้ลูกน้อยฟังกันเลยค่ะ
           
เด็กเลี้ยงแกะ

          ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งทำหน้าที่ต้อนฝูงแกะออกไปกินหญ้าที่เนินเขาเป็นประจำทุกวัน และเขาก็ต้องนั่งเฝ้าเหล่าฝูงแกะ พร้อมคอยปกป้องดูแลไม่ให้หมาป่าเข้ามาทำร้ายแกะของเขาได้

          จนวันหนึ่งเด็กชายรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องนั่งเฝ้าฝูงแกะเป็นเวลานาน ๆ จึงได้คิดหาเรื่องสนุก ๆ ทำเพื่อคลายเครียด เขาจึงได้แกล้งร้องตะโกนออกไปว่า "ช่วยด้วยจ้า ช่วยด้วยจ้า หมาป่ามากินแกะของผมแล้ว" พร้อมกับวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกเข้าไปในหมู่บ้าน


          พวกชาวบ้านได้ยินว่ามีหมาป่ามากินแกะ ก็พากันละทิ้งงานการที่ทำอยู่ และรีบหยิบอาวุธต่าง ๆ ทั้งจอบ มีด และขวานเพื่อออกมาช่วยไล่หมาป่า แต่เมื่อพวกเขาวิ่งไปที่เนินเขา ก็พบว่าฝูงแกะกำลังกินหญ้าอย่างสบายใจ และไม่เห็นว่าจะมีหมาป่าออกมากินแกะสักตัว

          เจ้าเด็กเลี้ยงแกะเห็นเหล่าชาวบ้านวิ่งกระหืดกระหอบมาที่เนินเขา ก็พูดหัวเราะเยาะว่า "ฮ่าๆๆ ได้แกล้งหลอกคนนี่มันสนุกจริง ๆ" เด็กหนุ่มหัวเราะชอบใจ แต่พวกชาวบ้านที่โดนหลอกต่างรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก และด้วยความสนุกสนานคึกคะนอง เด็กเลี้ยงแกะจึงยังแกล้งหลอกแบบเดิมอีกหลายครั้ง และพวกชาวบ้านก็วิ่งออกมาช่วยทุกครั้ง แต่ก็พบว่าเป็นเพียงแผนของเด็กเลี้ยงแกะเท่านั้น


          จนมาวันหนึ่งได้มีหมาป่าออกมาทำร้ายและไล่กินฝูงแกะของเขาจริง ๆ เด็กเลี้ยงแกะตกใจมาก รีบวิ่งออกไปตามชาวบ้านพร้อมกับร้องตะโกนว่า "ช่วยด้วยจ้า ช่วยด้วยจ้า หมาป่ากำลังกินแกะของผม" เขาร้องตะโกนให้คนมาช่วยจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่ก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนยอมออกไปช่วยเด็กเลี้ยงแกะเลยสักคน ทั้งยังตอบเขากลับไปว่า "คราวนี้เจ้าหลอกพวกข้าไม่ได้อีกแล้วล่ะ ไม่มีใครเชื่อเจ้าอีกต่อไปแล้ว"

          เด็กเลี้ยงแกะรู้สึกเสียใจมากที่ไม่มีใครเชื่อเขาเลย ทำให้ฝูงแกะของเขาถูกหมาป่ากินจนหมดฝูง เด็กชายร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า "เพราะข้าไม่ดีเอง ข้าชอบพูดโกหก แกล้งหลอกคนอื่นเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก แต่สุดท้ายการพูดโกหกของข้ากลับทำให้ข้าเดือดร้อนเสียเอง"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :

          คนที่ชอบพูดโกหกเป็นประจำ เมื่อถึงคราวที่พูดความจริงก็จะไม่มีใครเชื่อ ซึ่งมีความหมายตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า "เด็กเลี้ยงแกะ" หมายถึงคนที่พูดโกหกจนเป็นนิสัย จนไม่มีใครเชื่อถือหรือให้ความสนใจกับคำพูดนั้น ๆ ซึ่งหากเด็ก ๆ อยากให้ตัวเองเป็นคนน่าเชื่อถือก็ควรพูดแต่เรื่องจริง ไม่พูดโกหก และไม่แต่งเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงขึ้นมาเพื่อหลอกแกล้งผู้อื่น เพราะหากพูดโกหกเป็นประจำ เมื่อถึงคราวที่เราพูดความจริงหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็จะไม่มีใครเชื่อเรา ดังเช่นเรื่องราวในนิทานอีสปเรื่องนี้ค่ะ 

ขอบคุณแหล่งที่มา   https://baby.kapook.com

นิทานอีสป ราชสีห์กับหนู นิทานสอนใจสำหรับลูกน้อย

นิทานอีสป เรื่อง ราชสีห์กับหนู นิทานน่ารัก ๆ ของเหล่าสัตว์ป่ามาพร้อมกับข้อคิดสอนใจดี ๆ เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้เล่ากล่อมลูกน้อยก่อนนอน


นิทานอีสป รู้หรือไม่ว่า การเล่านิทานให้ลูกฟังมีประโยชน์และข้อดีมากมาย เพราะนอกจากจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อยแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างทักษะการฟัง การอ่าน สอนให้รู้จักคิด รู้จักสังเกต และปลูกฝังพื้นฐานการเรียนรู้รวมถึงการดำเนินชีวิตที่ดีให้แก่เด็ก ๆ อีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมมีนิทานอีสปเรื่อง "ราชสีห์กับหนู" มาฝากให้คุณพ่อคุณแม่นำไปเล่าให้ลูกน้อยฟัง พร้อมภาพประกอบ และข้อคิคดี ๆ รับรองว่าคืนนี้ถ้าได้อ่านให้ลูกฟังก่อนนอน เด็ก ๆ ต้องหลับฝันดีแน่ ^^

ราชสีห์กับหนู

          กาลครั้งหนึ่ง ณ ผืนป่าอันกว้างใหญ่ ขณะราชสีห์ผู้เป็นราชาแห่งสัตว์ทั้งหลายกำลังนอนหลับอย่างเป็นสุข จู่ ๆ ก็มีหนูตัวน้อยไต่ขึ้นมาปีนป่ายบนหลังจนราชสีห์รู้สึกตัวตื่น ก่อนใช้อุ้งเท้าใหญ่ตะครุบหนูน้อยตัวนั้น หวังจะขย้ำกินด้วยความโมโหเพราะถูกขัดจังหวะการพักผ่อน

          แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากกว้างดีก็มีเสียงอ้อนวอนเล็ก ๆ จากเจ้าหนูดังขึ้นมาว่า "ได้โปรดให้อภัยข้าสักครั้งเถิดท่านเจ้าป่า ข้าขอสาบานว่าข้าไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินท่านเลยแม้แต่น้อย หากคราวนี้ท่านมีเมตตาปล่อยตัวข้าไป ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่าน ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน ข้าสัญญา"

          ทันทีที่ได้ยินราชสีห์เจ้าป่าก็หัวเราะลั่นแล้วตอบกลับไปว่า "เจ้าเป็นเพียงหนูตัวเล็กแค่นี้ จะมีปัญญาทำอะไรตอบแทนข้าที่เป็นถึงราชาผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่เอาเถอะ เห็นแก่มุกตลกของเจ้าที่ทำให้ข้าหัวเราะได้ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก็แล้วกัน" แม้จะเต็มไปด้วยคำดูถูกแต่เจ้าหนูน้อยก็ตอบรับอย่างนอบน้อมและจริงใจ "ขอบคุณท่านเจ้าป่าผู้เมตตา ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย"


          หลายวันผ่านไป ขณะราชสีห์กำลังออกล่าหาอาหารก็ดันพลาดท่าไปติดกับดักนายพรานเข้า ต่อให้ดิ้นแรงแค่ไหนก็ดิ้นไม่หลุดทำได้แต่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง โชคที่ดีเจ้าหนูได้ยินเข้าจึงรีบวิ่งตามเสียงนั้นไปแล้วรีบลงมือช่วยเหลือราชสีห์ทันที เจ้าหนูใช้ฟันเล็ก ๆ ของมันกัดบ่วงกับดักทีละเส้นอย่างตั้งใจจนราชสีห์รู้สึกผิดที่เคยพูดดูถูกอีกฝ่ายไว้สารพัด

          เมื่อบ่วงเส้นสุดท้ายขาดและราชสีห์รอดเป็นอิสระอีกครั้งจึงพูดกับเจ้าหนูว่า "ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยข้าเอาไว้ และข้าขอโทษด้วยที่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันนั้น" เจ้าหนูยิ้มรับคำขอบคุณนั้นอย่างยินดีแล้วตอบกลับไปว่า "ข้าไม่เคยถือโทษโกรธเลยท่านเจ้าป่า และข้าดีใจยิ่งกว่าที่ได้ตอบแทนท่านอย่างที่สัญญาไว้"

          เมื่อต่างคนต่างเข้าใจ ไม่ถือโทษโกรธกัน หลังจากนั้นราชสีห์กับเจ้าหนูก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่เคยดูถูกว่าร้ายกัน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และใช้ชีวิตด้วยกันในป่ากว้างร่วมกับสัตว์อื่น ๆ อย่างมีความสุขเรื่อยไป...

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :

          อย่าตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก อย่าคิดว่าคนที่มีฐานะด้อยกว่าจะไม่สามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะคนที่มีรูปร่างเล็กก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องต่ำต้อยหรืออ่อนแอ ในขณะเดียวกันคนที่มีรูปร่างใหญ่โตก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก่งกาจหรือแข็งแกร่งมากกว่าคนอื่น เหมือนกับราชสีห์ในนิทานที่มีอำนาจและทรงพลัง เป็นถึงราชาผู้คุ้มครองสัตว์ป่าแต่ก็สามารถผิดพลาดจนต้องให้หนูตัวเล็ก ๆ มาช่วย ดังนั้นเราจึงควรปฏิบัติตัวดีกับคนอื่น กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หากมีปัญหาก็ควรทำความเข้าใจ รู้จักขอโทษให้อภัยต่อกัน แล้ววันหนึ่งเราจะได้รับแต่สิ่งดี ๆ ทั้งความรู้สึกดี ๆ และมิตรภาพดี ๆ ตอบแทนกลับมาอย่างแน่นอนค่ะ    


ขอบคุณแหล่งที่มา   https://baby.kapook.com

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป นกกระสากับหมาจิ้งจอก นิทานก่อนนอนสอนใจสำหรับลูกน้อย

 นิทานอีสป เรื่อง นกกระสากับหมาจิ้งจอก นิทานเล่าก่อนนอนสำหรับลูกน้อย พร้อมข้อคิดสอนใจดี ๆ ที่เด็ก ๆ ฟังได้ไม่มีเบื่อ

นิทานอีสป   เอาล่ะค่ะคุณพ่อคุณแม่ กำลังรับศึกลูกน้อยงอแงก่อนนอนกันอยู่ใช่ไหมคะ ? วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ ให้เล่านิทานอีสปเรื่อง "นกกระสากับหมาจิ้งจอก" เลยค่ะ เพราะมีทั้งเนื้อเรื่องสนุกสนานชวนให้ติดตาม ทั้งยังมีข้อคิดและคติสอนใจตบท้าย เอาไว้ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมอีกด้วย ว่าแล้วก็อย่าปล่อยให้เจ้าตัวเล็กรอนาน ไปอ่านนิทานดี ๆ พร้อมกับเราเลยดีกว่าค่ะ

นกกระสากับหมาจิ้งจอก

          กาลครั้งหนึ่งในวันที่สัตว์ทั้งหลายกำลังพักผ่อนกันอย่างสงบสุข จู่ ๆ หมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ก็นึกวางแผนชวน นกกระสา มากินข้าวด้วยกัน จะได้กลั่นแกล้งให้รู้สึกอับอายขายขี้หน้า เพราะตนคิดว่ารูปร่างของนกกระสานั้น ดูสูงเก้งก้างขัดตา แถมยังมีปากยาวเหยียดจนน่าขำมาตลอด

          "เจ้านกกระสา.. วันนี้สนใจมากินข้าวมื้อเย็นกับข้าไหม ?" หมาจิ้งจอกเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ทำให้นกกระสาตอบรับคำชวนอย่างยินดี "ได้สิ เจ้าจิ้งจอก ข้าจะเก็บท้องไว้กินอย่างเอร็ดอร่อยเลยล่ะ คอยดูนะ !" ว่าแล้ว นกกระสาก็ขอแยกตัวไปเตรียมพร้อมสำหรับมื้อพิเศษ โดยไม่เอะใจอะไรแม้แต่น้อย



          เมื่อเวลามื้อเย็นมาถึง นกกระสาก็เดินทางมาหาหมาจิ้งจอกตามนัด แต่สิ่งที่พบกลับเป็นซุปชืด ๆ ในชามปากกว้างก้นตื้นเพียงเท่านั้น "ข้าทำให้เจ้าสุดฝีมือเลยนะ ขอให้กินให้อร่อยล่ะ เจ้านกกระสา" หมาจิ้งจอกกล่าวต้อนรับ ก่อนนกกระสาจะยิ้มขอบคุณแล้วลงมือกินซุปทันที แต่พยายามกี่ครั้งก็ไม่สำเร็จ เพราะปากที่ยาวของมัน ไม่สามารถกินอาหารจากชามก้นตื้นแบบนี้ได้



          "ฮ่า ๆ ๆ ดูเจ้านกกระสาแสนโง่นั่นสิ ตลกชะมัดเลยใช่ไหมพวกเรา !?" เสียงของหมาจิ้งจอกที่ดังขึ้น ทำให้นกกระสาหันไปพบว่า มีสัตว์ตัวอื่นกำลังหัวเราะกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของตัวเองอยู่ จึงเข้าใจทันทีว่า จริง ๆ แล้ว นี่คือแผนกลั่นแกล้งของหมาจิ้งจอกสุดเจ้าเล่ห์นั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้น นกกระสาก็ไม่ถือโทษโกรธอะไร พร้อมเดินกลับบ้านตัวเองไปแม้จะหิวโซมาก็ตาม


          หลายวันต่อมา นกกระสาถือโอกาสชวนหมาจิ้งจอกมากินข้าวด้วยกันบ้าง คราวนี้ นกกระสาเตรียมเนื้อเอาไว้ในเหยือกน้ำทรงสูง ทันที่หมาจิ้งจอกเห็น ก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที แต่ปากของมันก็ไม่ยาวพอที่จะยื่นลงไปถึงเนื้อของโปรดได้ นกกระสาจึงพูดขึ้นมาว่า "อย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้าเลยนะ เจ้าจิ้งจอก เพราะข้าแค่ทำเหมือนกับที่เจ้าเคยทำไว้กับข้าเท่านั้นเอง" ได้ฟังดังนั้น หมาจิ้งจอกเลยต้องยอมกลับบ้านไป โดยไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่นิดเดียว..


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :

          การใช้ชีวิตในสังคมร่วมกับผู้อื่น ถ้าอยากมีเพื่อนที่ดีอยู่รอบตัว เราก็ควรทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีให้แก่เขาเช่นกัน เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ อย่าคิดแต่จะกลั่นแกล้งให้คนอื่นต้องทุกข์ใจเหมือนเจ้าหมาป่านะคะ เพราะสักวันหนึ่งสิ่งไม่ดีที่เคยทำเอาไว้ จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง ซ้ำยังไม่มีใครคอยยื่นมือมาช่วยเหลืออีกด้วย แต่ทั้งนี้ การแก้แค้นเอาคืนแบบนกกระสา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเท่าไรนัก เพราะเราควรรู้จักให้อภัยต่อกัน ถ้ารู้แล้วว่าใครนิสัยไม่ดี หรือคิดร้ายต่อตัวเรา สิิ่งที่ดีที่สุดก็คือ พยายามอย่าไปข้องเกี่ยวกับคนคนนั้นจะดีที่สุดค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา    https://baby.kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป อึ่งอ่างกับวัว นิทานก่อนนอนพร้อมคติสอนใจสำหรับลูกน้อย

นิทานอีสป เรื่อง อึ่งอ่างกับวัว นิทานก่อนนอนพร้อมคติสอนใจดี ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านให้ลูกฟังก่อนนอน

นิทานอีสป  คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะ ว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอนนั้น นอกจากจะช่วยให้เจ้าตัวน้อยเพลิดเพลินในโลกแห่งนิทานสนุก ๆ แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างทักษะทางด้านการฟัง การอ่าน การใช้ความคิดและจินตนาการ ยิ่งหากคุณพ่อคุณแม่ได้เล่านิทานที่มีคติสอนใจสอดแทรกไปด้วย 

ก็จะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกดี ๆ ให้แก่ลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดกำลังหานิทานก่อนนอนสนุก ๆ สำหรับเล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอนอยู่ละก็ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีนิทานอีสปเรื่อง "อึ่งอ่างกับวัว" มาฝากคุณพ่อคุณแม่และคุณหนู ๆ ทุกคนกันแล้ว นอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกสนานน่าติดตาม ยังปิดท้ายด้วยข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิตอีกด้วย ว่าแล้วก็รีบไปอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟังกันเลยดีกว่าค่ะ 

 อึ่งอ่างกับวัว


          ณ ทุ่งนาแห่งหนึ่ง มีครอบครัวของอึ่งอ่างอาศัยอยู่ในหนองน้ำ วันใดที่ฝนตกพวกลูกอึ่งอ่างก็มักออกมาเล่นน้ำฝนกันอย่างสนุกสนาน ลูกอึ่งอ่างตัวหนึ่ง พูดกับแม่ของมันว่า "แม่จ๋า ๆ พวกหนูขอออกไปว่ายน้ำเล่นแถว ๆ นี้นะจ๊ะ"

          "ได้สิจ๊ะลูก แล้วอย่าไปนานนักล่ะ แม่เป็นห่วง" แม่อึ่งอ่างตอบลูกน้อย จากนั้นพวกลูกอึ่งอ่างก็ได้ออกไปว่ายน้ำเล่นกัน จนกระทั่งพวกมันไปเจอกับวัวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง กำลังเดินมาที่หนองน้ำที่พวกอึ่งอ่างเล่นน้ำอยู่ เจ้าวัวไม่ทันสังเกตว่ามีลูกอึ่งอ่างเล็ก ๆ อยู่แถวนั้น ทำให้มันเผลอเหยียบลูกอึ่งอ่างตายไปหลายตัว



          เจ้าลูกอึ่งอ่างที่รอดชีวิตเห็นอย่างนั้น ก็พากันตกใจและรีบวิ่งกลับไปบอกแม่ของมันว่า "แม่จ๋า ๆ เมื่อตะกี้มีตัวอะไรก็ไม่รู้มาเหยียบพี่ ๆ น้อง ๆ ของเรา ตัวมันใหญ่มาก ๆ ๆ เลยแม่"

          แม่อึ่งอ่างตกใจ เลยรีบถามกลับไปว่า "ตัวอะไร แล้วตัวมันใหญ่มากขนาดไหน แม่อยากรู้"

          "ตัวมันใหญ่มากกก ๆ ๆ เลยแม่" ลูกอึ่งอ่างตอบ

          แม่อึ่งอ่างนึกไม่ออกว่าเจ้าสัตว์ตัวใหญ่ที่มาเหยียบลูก ๆ ของมันคือตัวอะไร จึงพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพองตัวโตเพื่อให้ลูกดูว่าตัวมันใหญ่ขนาดไหน


          "ตัวมันใหญ่ประมาณนี้ไหมลูก" แม่อึ่งอ่างถาม

          "มันตัวใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่าเลยจ้ะแม่" ลูกอึ่งอ่างตอบไปตามที่เห็น

          แม่อึ่งอ่างได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกหงุดหงิดและโมโหที่ไม่สามารถพองตัวให้ใหญ่เท่ากับสัตว์ตัวนั้นได้ มันจึงพยายามรวบรวมกำลังพองตัวให้ใหญ่ขึ้นอีก และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนลูก ๆ พากันเตือนให้เลิกพองตัวว่า "พอแล้ว ๆ แม่จ๋า ไม่ต้องทำแล้ว"



          แต่แม่อึ่งอ่างไม่ฟัง มันพยายามพองตัวให้โตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอยากรู้ว่าเจ้าสัตว์ตัวนั้นจะใหญ่โตขนาดไหน จนสุดท้าย แม่อึ่งอ่างพองตัวเต็มที่จนตัวระเบิดและตายลงต่อหน้าลูกอึ่งอ่าง ทำให้ครอบครัวอึ่งอ่างรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ที่แม่อึ่งอ่างต้องมาตายเพราะทำในสิ่งที่เกินกำลังและความสามารถของตัวเอง



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :

          อย่าทำอะไรที่เกินตัว เกินกำลังตนเอง เพราะอาจทำให้เกิดโทษได้ เช่นเดียวกับแม่อึ่งอ่างตัวนี้ที่ไม่รู้จักประมาณตัวเอง พยายามทำในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถทำได้ โดยไม่ฟังคำเตือนของใคร จนสุดท้ายก็ทำให้ตัวเองเดือดร้อนในที่สุด ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยค่ะ หากเด็ก ๆ กำลังป่วย แต่ก็ฝืนตัวเองออกไปวิ่งเล่นข้างนอกทั้งที่ร่างกายไม่แข็งแรง ก็อาจทำให้เด็ก ๆ เป็นลมหมดสติได้ ดังนั้นหากพวกหนูคิดจะทำสิ่งใดแล้ว ก็ควรประมาณตนให้เหมาะสม ว่าเรามีศักยภาพพอที่จะทำสิ่งนั้นได้โดยไม่ลำบากตัวเองและคนอื่น ๆ หรือไม่


ขอบคุณแหล่งที่มา   https://baby.kapook.com

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป หนูน้อยหมวกแดง นิทานสอนใจเล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอน

นิทานอีสป หนูน้อยหมวกแดง นิทานสอนใจพร้อมข้อคิดดี ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านกล่อมลูกน้อยก่อนเข้านอน

นิทานอีสป เรื่อง  หนูน้อยหมวกแดง มาฝากคุณหนู ๆ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอนได้ เพราะนอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกสนานแล้วนั้น ยังแฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ อีกด้วย ^^
หนูน้อยหมวกแดง

          กาลครั้งหนึ่ง ณ หมู่บ้านที่แสนอบอุ่น มีเด็กหญิงหน้าตาน่ารักนั่งเล่นดูคุณแม่ทำอาหารอยู่ในครัว เพื่อนบ้านทุกคนต่างพากันเรียกเธอว่า "หนูน้อยหมวกแดง" ตามสีของหมวกที่เธอใส่เป็นประจำ และวันนี้เธอก็ได้รับคำสั่งจากคุณแม่ ให้นำอาหารและขนมไปเยี่ยมคุณยาย ผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านข้าง ๆ


          "เอาตะกร้านี้ไปส่งให้ถึงมือคุณยายนะจ๊ะ แล้วก็รีบไปรีบกลับ อย่าไปเที่ยวเล่น เถลไถลที่ไหนไกล อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้าด้วยล่ะ เข้าใจไหม ?" คุณแม่คนสวยกำชับด้วยความเป็นห่วง ลูกสาวตัวน้อยเองก็ตอบรับสัญญา แล้วออกจากบ้านไปอย่างร่าเริง

          ระหว่างทางไปบ้านคุณยาย บังเอิญมีหมาป่าเจ้าเล่ห์เดินมาพบกับหนูน้อยหมวกแดง จึงเข้าไปทักทายหวังจับเด็กหญิงทำเป็นอาหารมื้อเย็น "สวัสดีจ้ะสาวน้อย มาทำอะไรในป่าตรงนี้คนเดียวเหรอจ๊ะ ?"


          "หนูกำลังไปเยี่ยมคุณยายที่หมู่บ้านใกล้ ๆ นี้เองค่ะ" หนูน้อยหมวกแดงตอบอย่างเป็นมิตร แต่กลับทำให้เจ้าหมาป่าคิดอุบายหลอกล่อ หวังจับคุณยายของเธอมาเป็นเหยื่อด้วยอีกคน 

          "แต่ว่าสาวน้อย.. เอาตะกร้าเล็ก ๆ ไปแค่นี้ คุณยายเสียใจแย่เลย ฉันว่าเราไปเก็บดอกไม้สวย ๆ มาเป็นของขวัญเพิ่มกันเถอะ" หมาป่าชักชวนให้หนูน้อยหมวกแดงออกนอกเส้นทาง มันจะได้รีบตรงไปจับคุณยายกินก่อน แล้วดักรอหนูน้อยหมวกแดงที่บ้านนั้นเลย


          โชคไม่ดีที่หนูน้อยหมวกแดงหลงเชื่อคำชวน แล้วหันไปเก็บดอกไม้ และเดินเล่นอย่างเพลิดเพลินจนลืมทั้งเวลา ทั้งคำตักเตือนของคุณแม่ไปหมดสิ้น กระทั่งเจ้าหมาป่าเดินทางไปถึงหมู่บ้านข้าง ๆ แล้วจับตัวคุณยายซ่อนเอาไว้ในตู้ ก่อนนำเสื้อผ้ามาใส่ เพื่อปลอมตัวเป็นคุณยายนอนป่วยอยู่บนเตียง รอให้หนูน้อยหมวกแดงมาถึงแล้วจับกินทั้งยายทั้งหลานพร้อมกันทีเดียว 


          เมื่อหนูน้อยหมวกแดงรู้ตัวว่าทำผิดคำสั่งคุณแม่ ก็รีบวิ่งไปหาคุณยายที่บ้านทันที แต่กลับพบเข้าว่าคุณยายของเธอนั้น มีท่าทางและหน้าตาแปลกประหลาดไปจากเดิม 


"คุณยายคะ ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะคะ ?" หนูน้อยถามด้วยความสงสัย

"ยายเป็นไข้ไม่สบาย ยายเลยหนาวจ้ะหลาน" หมาป่าดัดเสียงตอบ

"คุณยายคะ ทำไมเสียงของคุณยายแปลกจังเลยคะ ?" หนูน้อยถามอีกครั้ง

          "ยายเจ็บคอ ไอหนักมาก เสียงเลยเพี้ยนไปหน่อยจ้ะหลาน" หมาป่าตอบพร้อมแกล้งทำเป็นไอค่อกแค่ก ทำให้หนูน้อยหมวกแดงสังเกตเห็นเขี้ยวแหลมในปาก

          "คุณยายคะ ทำไมคุณยายถึงมีเขี้ยวยาวขนาดนั้นล่ะคะ ?" หนูน้อยหมวกแดงถาม แล้วค่อย ๆ เดินถอยออกมา เพราะเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย

        
          "ก็เพราะยายมีเขี้ยวไว้จับหลานกินไงล่ะ เจ้าหนูน้อย !!" คราวนี้หมาป่าไม่แสร้งทำตัวใจดีอีกต่อไป พร้อมกระโจนมาตะครุบตัวหนูน้อยหมวกแดงอย่างเกรี้ยวกราด แต่โชคดีที่เสียงกรี๊ดของหนูน้อย ดังไปถึงนายพรานหนุ่มสองคนที่ผ่านมาพอดี 

          ปัง ปัง ปัง !!! เสียงปืนดังขึ้นสามนัด พร้อมกับร่างของหมาป่าดิ้นรนอย่างเจ็บปวด นายพรานหนุ่ม บุกเข้ามาช่วยชีวิตหนูน้อยหมวกแดง และพาคุณยายออกจากตู้เสื้อผ้าได้อย่างปลอดภัย หนูน้อยหมวกแดงสารภาพความผิด และขอโทษคุณยายที่ตัวเองเถลไถลจนได้รับอันตรายกันทั้งคู่
 

          "ยายไม่โกรธอะไรหรอกจ้ะ แค่หนูไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว แต่ต้องสัญญากับยายก่อนนะว่า จะไม่เชื่อฟังคนแปลกหน้า ไม่เล่นซนจนลืมเวลาแบบคราวนี้อีก" หนูน้อยหมวกแดงพยักหน้ารับคำ พอคุณยายเห็นดังนั้นก็ยิ้มรับ แล้วเลี้ยงอาหารมื้ออร่อยให้นายพรานแทนคำขอบคุณ ก่อนทั้งสองจะพาหนูน้อยหมวกแดง กลับสู่อ้อมกอดของคุณแม่ที่บ้านโดยสวัสดิภาพ.. 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : 

          เด็ก ๆ ควรมีวินัยในตนเอง และเชื่อฟังคำสั่งสอน รวมถึงคำแนะนำของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกแล้ว ก็ไม่ควรเถลไถลไปไหนไกลจนมืดค่ำ และควรกลับบ้านให้ตรงเวลาที่กำหนด ที่สำคัญต้องพยายามหลีกเลี่ยง ไม่พูดคุย หรือรับของจากคนแปลกหน้าโดยเด็ดขาด เพราะพวกเขาอาจเป็นคนไม่ดีที่หวังขโมยทรัพย์สินเงินทอง หรือทำร้ายร่างกายแล้วเป็นอันตรายต่อชีวิต เหมือนกับหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ผู้คิดวางแผนกินหนูน้อยหมวกแดงเป็นอาหาร แต่ถ้าเผลอทำตัวผิดไป ก็ต้องรู้จักขอโทษขอโพย เอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน แล้วอย่ากลับไปทำผิดซ้ำสองอีกนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา  https://baby.kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป ห่านกับไข่ทองคำ นิทานก่อนนอนพร้อมคติสอนใจสำหรับลูกน้อย

 นิทานอีสป ห่านกับไข่ทองคำ นิทานสอนใจพร้อมภาพประกอบสุดน่ารักสำหรับอ่านก่อนนอน ให้เจ้าตัวเล็กได้หลับฝันดีทุกคืน

 นิทานอีสป  สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหานิทานสำหรับกล่อมลูกน้อยก่อนนอน วันนี้เราขอนำเสนอนิทานอีสป เรื่อง "ห่านกับไข่ทองคำ" ที่มาพร้อมกับเนื้อเรื่องสนุก ๆ ภาพประกอบน่ารัก ๆ พร้อมข้อคิดคติสอนใจให้เจ้าตัวเล็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับบทเรียนชีวิตอีกด้วย ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ตามเราไปอ่านนิทานด้วยกันเลยค่ะ 

นิทานอีสป

          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสองตายายผู้แสนยากจนอาศัยอยู่ที่กระท่อมเก่า ๆ ในป่ากว้างอย่างสงบสุข แต่จู่ ๆ วันหนึ่งก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อตาเฒ่าพบว่าห่านที่เลี้ยงไว้นั้นออกไข่มาเป็นสีทองอร่าม 

          "ยาย ๆ ดูนี่สิตาเจออะไร ! ห่านของเราออกไข่มาเป็นทองคำด้วยล่ะ" ตาเฒ่าร้องเสียงดัง

          "จริงหรือตาเฒ่า ? จู่ ๆ ห่านมันจะออกไข่มาเป็นทองคำได้ยังไงกัน" ยายเฒ่าถามกลับแบบไม่เชื่อหูตัวเอง

นิทานอีสป

          "ถ้ายายไม่เชื่อ เดี๋ยวตาเอาไข่ใบนี้ไปให้ในเมืองดูก่อนแล้วกัน จะได้รู้กันไปเลยว่านี่คือทองคำจริงหรือปลอม" พูดจบตาเฒ่าก็รีบเดินทางไปยังร้านทองในเมืองทันที

          เมื่อตาเฒ่ามาถึงร้านทองจึงยื่นไข่ห่านปริศนาให้ช่างทองตรวจดูอย่างละเอียด เมื่อช่างทองยืนยันว่านี่แหละคือทองคำของแท้ ตาเฒ่าก็เสนอขายไข่ทองคำใบนั้นอย่างไม่รอช้า แล้วมุ่งหน้ากลับบ้านไปบอกข่าวดีกับยายด้วยความตื่นเต้น 

          "ยาย ๆ ไข่ใบนั้นคือทองคำของจริง ตาได้เงินกลับมาตั้งเยอะแน่ะ ต่อไปนี้เราจะรวยกันแล้วนะ !" พูดจบแล้วทั้งสองก็กอดกันอย่างมีความสุข

นิทานอีสป

          จากวันนั้นเป็นต้นมา สองตายายก็หมั่นเก็บไข่ทองคำไปขายทุกวัน จนกลายเป็นเศรษฐีและมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ แต่วันหนึ่งตาเฒ่าก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจว่าทำไมห่านของเขาถึงออกไข่ได้เพียงวันละฟองเท่านั้น จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า

          "ยายเฒ่า.. วันนี้เราไปผ่าท้องห่านกันดีกว่า จะได้เอาไข่ทองคำทั้งหมดในนั้นไปขายทีเดียว มัวแต่เก็บวันละฟองแบบนี้ มันจะไปทันกินอะไร" ตาเฒ่าเอ่ยชวน

นิทานอีสป

          "ก็ดีเหมือนกันนะตา เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางเข้าเมืองทุกวัน" ยายเฒ่าเห็นดีเห็นงามไปด้วย

          ว่าแล้วก็ไม่รอช้า สองตายายรีบจับห่านมาผ่าท้องทันที แต่ปรากฏว่าในท้องของห่านนั้นไม่มีไข่ทองคำอยู่เลยแม้แต่ฟองเดียว แถมทั้งสองยังต้องสูญเสียห่านของพวกเขาไป โดยไม่มีโอกาสเก็บไข่ทองคำไปขายอีกเลย.. 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : 

          เวลาที่เด็กๆ อยากได้อะไร ต้องรู้จักพยายาม รู้จักขวนขวาย เพราะในโลกของความจริงนั้นไม่มีห่านที่ออกไข่ทองคำให้เราเหมือนในนิทาน ถ้าอยากมีฐานะร่ำรวยก็ต้องเรียนรู้ที่จะประหยัดอดออม ไม่ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย หรือถ้าอยากได้ของเล่นก็ต้องรู้จักเก็บหอมรอมริบ หมั่นหยอดกระปุกทุกวัน และสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อคุณหนู ๆ ได้สิ่งของที่ต้องการแล้ว ก็ควรพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีกันด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นชีวิตจะไม่เหลืออะไรเลยเหมือนกับสองตายาย หรือเป็นดั่งสุภาษิตไทยที่ว่า "โลภมาก มักลาภหาย" นั่นเอง

ขอบคุณแหล่งที่มา    https://baby.kapook.com

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป ชาวนากับงูเห่า นิทานสอนใจพร้อมภาพประกอบแสนน่ารัก

นิทานอีสป ชาวนากับงูเห่า พร้อมภาพประกอบสุดน่ารักและข้อคิดคติสอนใจดี ๆ สำหรับเล่ากล่อมให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดี

 และแล้วช่วงเวลาของการกล่อมลูกน้อยเข้านอนก็กลับมาอีกครั้ง วันนี้กระปุกดอทคอมมีนิทานอีสปสนุกๆ เรื่อง "ชาวนากับงูเห่า" มาฝากกัน รับรองว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจให้คุณพ่อคุณแม่อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน แถมลูกน้อยฟังแล้วได้ข้อคิดคติสอนใจเกี่ยวกับบทเรียนชีวิตดี ๆ อีกด้วย พร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเจ้าตัวเล็กจะง่วงนอนเสียก่อน

นิทานอีสป

          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในฤดูหนาว ณ กระท่อมเล็กกลางป่ากว้าง ชาวนาวัยชราคนหนึ่งกำลังจะเข้าเมืองเพื่อซื้อเสบียงอาหาร แต่ก่อนเดินทางเขากลับเจองูเห่าตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่หน้าบ้านเสียก่อน

นิทานอีสป

          "นี่คืองูเห่าที่มีพิษร้ายแรงน่ะรึ ? ทำไมถึงนอนไม่ขยับอย่างนี้ล่ะ" ชาวนาพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนสังเกตเห็นว่า ตามตัวของเจ้างูเห่านั้นมีหยดน้ำแข็งเล็ก ๆ เกาะไปทั่ว

          "อ๋อ.. ปกติงูไม่ถูกกับอากาศหนาว ๆ สินะ ช่างน่าสงสารเสียจริง" แต่ถึงแม้ชาวนาเฒ่าจะรู้สึกเวทนาแค่ไหน ก็ยังลังเลว่าจะช่วยงูเห่าตัวนี้ไว้ดีหรือไม่ เพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง

นิทานอีสป


          "แต่ฉันคงปล่อยให้เจ้างูตัวนี้ตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้.." เมื่อคิดได้ดังนั้นชาวนาเฒ่าจึงถอดเสื้อคลุมของตัวเอง เอาไปห่อตัวของงูเห่าอย่างแน่นหนา แล้วอุ้มขึ้นมาไว้แนบอกหวังให้เจ้างูรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น

นิทานอีสป

          เมื่องูเห่ารู้สึกดีขึ้นจากความอบอุ่นที่ได้รับ พละกำลังก็กลับคืนมาในที่สุด แต่ทันทีที่เห็นชาวนามันก็เกิดอาการตกใจ แล้วฉกไปยังแขนทันทีตามสัญชาตญาณก่อนเลื้อยหนีเข้าป่าไป ชาวนาเฒ่าพยายามห้ามเลือดตัวเองให้หยุดไหล ทว่าพิษร้ายแรงกลับซึมเข้าไปในร่างกายเสียแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ชาวนาเฒ่าก็สิ้นใจลงอย่างน่าเวทนา..

นิทานอีสป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :


          การรู้จักสงสารและมีจิตใจเมตตาต่อคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เด็ก ๆ ควรสังเกตก่อนว่าคนคนนั้นมีนิสัยเป็นอย่างไร ถ้าเป็นคนพาล คนเลว นิสัยไม่ดี ต้องจำไว้เลยนะคะว่าเราไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยจะดีที่สุด เพราะเราไม่สามารถรู้เลยว่าสุดท้ายแล้ว คนเหล่านั้นจะหันกลับมาทำร้ายเราเหมือนที่เจ้างูเห่าทำกับชาวนาเฒ่าในนิทานหรือไม่ เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ ต้องเลือกคบหาแต่เพื่อน ๆ ที่มีนิสัยดี น่ารัก รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบไม่หวังผลตอบแทน ที่สำคัญต้องรู้จักหลีกเลี่ยงสังคมที่มีแต่คนที่ชักชวนให้เราทำอะไรไม่ดีด้วยนะคะ เพียงเท่านี้ชีวิตของเราก็ปลอดภัย ไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา     https://baby.kapook.com

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562

นิทานอีสป สุนัขกับเงา นิทานก่อนนอนพร้อมข้อคิดดี ๆ สำหรับลูกน้อย

นิทานอีสป เรื่อง สุนัขกับเงา นิทานสั้นสอนใจสำหรับเด็ก ถ้าคุณกำลังมองหานิทานพร้อมภาพประกอบน่ารัก ๆ เรื่องนี้ห้ามพลาด 


           เมื่อลูกน้อยเกิดงอแง ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนตอนกลางคืน บอกเลยว่าการเล่านิทานนี่แหละค่ะ คือตัวช่วยชั้นเลิศที่ทำให้เจ้าตัวเล็กเคลิ้มมาแล้วนักต่อนัก วันนี้กระปุกดอทคอมมีนิทานเรื่อง "สุนัขกับเงา" นิทานอีสปก่อนนอน พร้อมภาพประกอบและข้อคิด คติสอนใจดี ๆ มาฝากกัน จะสนุกสนาน อ่านเพลินขนาดไหน เราไปดูกันเลย...




          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ พงหญ้ารกข้างเมืองใหญ่ มีสุนัขจรจัดตัวหนึ่งกำลังนอนหมดแรง เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมานานหลายวัน มันจึงวางแผนเข้าไปขโมยอาหารในตลาดสดมากินประทังชีวิต และโชคดีที่ได้เนื้อชิ้นโตมาโดยไม่มีใครจับได้

          ในระหว่างที่เจ้าสุนัขกำลังกลับไปยังที่พัก มันได้เดินผ่านสะพานข้ามลำธารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แล้วเหลือบไปเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ ก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นสุนัขอีกตัวที่ออกหาอาหารเหมือนมัน แต่สุนัขตัวนั้นกลับมีเนื้อที่ชิ้นใหญ่โตและดูน่ากินกว่าของตัวเอง



          "ทำไมหมาตัวนั้นถึงได้กินอาหารที่ดีกว่าของข้า ? ข้าไม่ยอม ข้าขโมยเนื้อมาจากตลาดได้ ข้าก็ต้องขโมยเนื้อจากมันมาได้เหมือนกัน !" เมื่อเจ้าสุนัขคิดได้ดังนั้น มันก็อ้าปากเห่าเงาของตัวเองอย่างดุดัน และนั่นก็ทำให้เนื้อที่มันคาบเอาไว้ ร่วงตกลงไปในลำธารแล้วจมหายไป

          "อะไรกัน !? หมาตัวนั้นหายไปไหน แล้วเนื้อของข้าล่ะ ! เนื้อของข้า !" เจ้าสุนัขร้องอุทานเสียงดัง ก่อนจะรีบวิ่งตามหาชิ้นเนื้อที่หายไป ระหว่างนั้น เมื่อเจ้าสุนัขได้มองไปยังลำธารอีกครั้ง มันก็ได้ค้นพบว่า สุนัขอีกตัวที่เห็นก่อนหน้านี้คือตัวของมันเอง สุดท้ายเจ้าสุนัขก็ได้แต่เดินกลับที่พักไปด้วยความสิ้นหวังและหิวโซเช่นเดิม




นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :

          สิ่งของที่เป็นของซื้อของขายตามร้านค้านั้น ถ้าอยากได้ต้องรู้จักเก็บออมเงินไปซื้ออย่างถูกต้อง ไม่ใช่ลักขโมยมาโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่อย่างนั้นชีวิตจะพบกับจุดจบที่เลวร้าย ยิ่งเกิดความโลภมาก อยากได้ของคนอื่นมาครอบครองทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะสุดท้ายแล้ว ตัวเราเองจะไม่เหลืออะไรเลย เหมือนกับเจ้าสุนัขในนิทานเรื่องนี้นั่นเอง..

          เด็กดีทั้งหลายก็อย่าลืมหยอดกระปุก เก็บเงินนิด ออมเงินหน่อยเวลาอยากได้ของเล่นกันด้วยนะคะ แล้วจะรู้ว่าการซื้อของด้วยเงินเก็บของตัวเองเนี่ย เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมาก ๆ เลยล่ะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา   https://baby.kapook.com